และแล้วฤดูคัดเลือกทหารผ่านมาอีกครั้งในวันที่ 1-12 เมษายนของทุกปี ไม่เพียงเฉพาะชายไทยที่ตื่นเต้น แต่ ‘สาวประเภทสอง’ หลายคนก็ลุ้นเหงื่อตกไม่ต่างกัน จากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่ายังมีสาวประเภทสองหลายคนที่ไม่ทราบกฏเกณฑ์ปฏิบัติตนเพื่อให้พ้นจากการเกณฑ์ทหาร
มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ จึงร่วมกับโครงการจัดตั้งมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย มูลนิธิ เอ็มพลัส เชียงใหม่ และมูลนิธิ ซิสเตอร์ พัทยา ได้ร่วมกันดำเนินโครงการสังเกตการณ์การตรวจทหารกองเกิน พ.ศ.2559 และเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ “เมื่อดิฉันต้องเกณฑ์ทหาร” รวมทั้งคู่มือ “เมื่อพี่ทหารต้องปฏิบัติกับน้องกะเทย” ณ โรงเรียนราชนันทาจารย์ สามเสนวิทยาลัย 2 ซึ่งเป็นสถานที่คัดเลือกทหารเขตบางซื่อ
คณะกรรมการตรวจเลือก กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ระบุว่า สาวประเภทสองที่เข้ารับการตรวจคัดเลือกเกณฑ์ทหาร จะเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกในประเภทที่ 2 คือ ภาวะ ‘เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด’ จะแยกได้เป็น 3 จำพวก ได้แก่ 1.แปลงเพศแล้ว 2.มีการปรับเปลี่ยนร่างกายเห็นได้ชัด และ 3.กลุมสตรีเหล็ก ร่างกายเป็นชาย แต่จิตใจเป็นหญิง ซึ่งจำพวกที่ 3 จำเป็นต้องมีใบรองแพทย์ จากโรงพยาบาลในสังกัดกัลยาณ์ราชนครินทร์ ทั่วประเทศ
แต่หากร่างกายไม่เห็นได้ชัดเจนและไม่มีใบรับรองแพทย์มา จะถูกจัดในบุคคลประเภทที่ 3 คือ คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วย ซึ่งจะบำบัดให้หายภายใน 30 วันไม่ได้ ต้องมาใหม่ในปีถัดไป หากปีหน้ามาแล้วเปลี่ยนแปลงก็จะเข้าตามกระบวนการปกติ แต่หากไม่เปลี่ยนแปลงก็จะถูกจัดเป็นประเภทที่ 3 ต่อไป ทดสอบ 3 ครั้ง หรือเท่ากับต้องมาตรวจสอบ 3 ปี
จันทร์จิรา บุญประเสริฐ ผู้ประสานงานมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ เล่าว่า ได้เดินทางไปช่วยเหลือกลุ่มกะเทยที่ต่างจังหวัด ซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างกับที่กรุงเทพฯ เพราะความยากจนหรือสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน กะเทยบางคนจะไม่แต่งหน้าแต่งตัวเท่าที่กรุงเทพฯ ก็จะมีการได้รับการปฏิบัติที่ต่างกันไป ซึ่งเป้าหมายขององค์กรที่ร่วมกันในครั้งนี้เพื่อมุ่งให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง อาจถึงขั้นประชาสัมพันธ์กับองค์กรส่วนท้องถิ่นเพื่อกระจายข้อมูลสำคัญที่กะเทยต้องทราบก่อนเข้าสู่การเกณฑ์ทหาร และจะร่วมกันทำงานกับกองกลางสัสดีในเรื่องการแจกเอกสารประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึงต่อไป
ทรงวุฒิ แก้งเฮียง อายุ 25 ปี หนึ่งในสาวประเภทสองผู้เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกตามปกติ กล่าวว่า เธออยู่ต่างประเทศ แต่ต้องบินกลับมาคัดเลือกเกณฑ์ทหาร รู้ข้อมูลเบื้องต้นว่าต้องนำใบรับรองแพทย์เพื่อจะได้เป็นบุคคลประเภท 2 แต่ก็ทำไม่ทัน เลยเข้ามาตามระบบปกติ เพราะทำหน้าอกมาเรียบร้อย คิดว่าจะผ่านไปได้ พี่ทหารก็ดูแลดี ให้ความเป็นกันเอง
อย่างไรก็ตาม ทรงวุฒิ ฝากว่า อยากให้อำนวยความสะดวกกับสาวประเภท 2 ที่อยู่ต่างประเทศด้วย โดยดำเนินการส่งข้อมูลทำเอกสารให้ชัดเจนกับทางสถานกงสุลตามประเทศต่างๆ เพราะหน่วยงานไม่ทราบข้อมูลเลย ทำให้เกิดปัญหาว่าพอไม่กลับมาเกณฑ์ทหารที่เมืองไทยก็โดนตัดสินขึ้นแบล็คลิสต์ว่า “หนีทหาร” จะเป็นไปได้ไหม สำหรับคนอยู่ต่างประเทศ สามารถส่งใบรับรองแพทย์หรือข้อมูลต่างๆ ให้กับหน่วยงานที่ต่างประเทศได้เลย
สิทธิพร อุส่าห์พานิช อายุ 20 ปี กล่าวว่า ทราบมาก่อนว่าต้องมีใบรับรองแพทย์จากทางเว็บไซต์ และเลือกเข้ากระบวนการเลย เพราะรู้ว่าสรีระไม่ผ่าน รู้สึกว่าพี่ทหารปฏิบัติกับกระเทยอย่างเหมาะสม พอใจและไม่รู้สึกอึดอัดอะไร และรู้สึกพอใจกับคำที่ระบุให้พวกเราว่า “เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด” เป็นคำที่ให้เกียรติมากขึ้น เป็นคำที่เหมาะสมมากกว่าแต่ก่อนที่ถูกระบุเป็น โรคจิตทราม
ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้าตรวจคัดเลือก และเป็นกองเชียร์รอให้กำลังใจอยู่บริเวณนอก เขตบางซื่อมีสาวประเภทสองเริ่มต้นส่งเอกสารรายงานตัวทั้งสิ้น 6 ราย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้ใบสด.43 (ใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ) ระบุว่าเป็นบุคคลประเภทที่ 2 ภาวะ ‘เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด’
หากสาวประเภทสองคนใดมีข้อสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่เครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย โทร 08-6597-4636