ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
“จักรยาน” เป็นอีกหนึ่งพาหนะที่มีการใช้งานมาหลายยุคหลายสมัย แต่ยังคงใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น กระทั่งปัจจุบันที่เทคโนโลยีถูกพัฒนา จนทลายกำแพงของโลกการสื่อสารลงไป ทำให้ “สังคมออนไลน์” กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง “ชุมชน” ที่เป็นศูนย์กลางของคนที่รักและชอบในสิ่งที่เหมือนๆ กัน
เฉกเช่น “เครือข่ายผู้ใช้จักรยานประเทศไทย” ที่ทำให้การปั่นจักรยานเพื่อ “สุขภาพ” หรือปั่นเพื่อ “สันทนาการ” ตลอดจนปั่นเพื่อการกีฬา ได้รับความนิยมมากขึ้น
ล่าสุด มูลนิธิสถาบันการเดิน และการจักรยานไทย ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายจักรยานทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “ปฐมกาล วันจักรยานโลก : ปั่นเปลี่ยนไทย ปั่นเปลี่ยนโลก” โดยรวมตัวกันปั่นจักรยานจากบริเวณลานคนเมือง ณ ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ไปยังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึก ขอบคุณที่ยูเอ็นได้ประกาศให้วันที่ 3 มิถุนายนของทุกปี เป็น “วันจักรยานโลก” World Bicycle Day : (WBD) ตามมติสมัชชา สมัยที่ 72 เรื่องกีฬาเพื่อการพัฒนาและสันติภาพ
ซึ่งครั้งนี้นับเป็นการจัดงาน “ครั้งแรก” ในประเทศไทย โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก คณะกรรมการกองทุน สสส. ร่วมกิจกรรม
ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย กล่าวว่า เครือข่ายผู้ใช้จักรยานในประเทศไทยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ยูเอ็นเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมให้พลเมืองใช้จักรยาน จึงเดินทางมาเพื่อขอบคุณ และยื่นจดหมายเปิดผนึกเสนอข้อเรียกร้องต่อภาครัฐในส่วนของมาตรการระยะสั้นทั้งหมด 8 ข้อ ประกอบด้วย
1.จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้จักรยานทุกประเภท โดยมุ่งเน้นผู้ใช้จักรยานในวิถีชีวิตประจำวัน ในเขตเมือง เทศบาล และชุมชน
2.สร้างความเข้าใจร่วมกันในสังคมว่าการใช้จักรยานเป็นรูปแบบหนึ่งของการเดินทาง และภาครัฐควรพัฒนาระบบจักรยานให้ถูกต้องและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
3.จัดให้มีหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบงานการจักรยานโดยตรง
4.กำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรและขนส่งอย่างเคร่งครัด
5.ส่งเสริมและสนับสนุนระบบการต่อเชื่อมระหว่างการใช้จักรยานและระบบขนส่งสาธารณะ
6.ส่งเสริมให้เกิด “ชุมชนจักรยาน” ที่ประชาชนในพื้นที่สามารถใช้จักรยานในชีวิตประจำวันได้จริง
7.หลีกเลี่ยงการสร้างถนนขนาดใหญ่ ในเมือง เทศบาล และชุมชนโดยใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดมาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเดินเท้าและการใช้จักรยาน
และ 8.ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยจักรยานในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจแก่ประเทศ และชุมชนท้องถิ่น
ด้าน นายอาคม กล่าวว่า จากข้อเสนอที่กล่าวมา ต้องแบ่งเป็นมาตรการระยะสั้น-กลาง-ยาว ข้อไหนที่สามารถทำได้เลยก็ต้องทำเลย และจากการไปประชุมอินเตอร์เนชั่นแนล ทรานสปอร์ต ฟอรั่ม ที่เยอรมนี มีการพูดถึง “ความปลอดภัยทางถนน” ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทำงานในเมืองต่างๆ ของยุโรปซึ่งใช้จักรยานเป็นพาหนะ จึงอยากเห็นภาพแบบนั้นในสังคมไทย แต่จากการสังเกตก็พบว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถทำได้ในประเทศไทย เช่น เรื่องสภาพอากาศที่ร้อนจัด หากปั่นไปทำงานทางบริษัทก็อาจจะต้องมีห้องอาบน้ำให้ เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการพูดคุยกันพร้อมกับขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กันในหลายๆ ด้าน
รศ.นพ.ปัญญา กล่าวว่า ในปี พ.ศ.2560 กลุ่มประชากรที่มีการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางกายมากที่สุด คือ “กลุ่มประชากรวัยทำงาน” สสส.จึงตั้งเป้าไว้ว่า ในปี พ.ศ.2564 นี้ คนไทย 80% จะต้องมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอเพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้มากถึง 10,000 รายต่อปี ซึ่งจักรยานก็ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการส่งเสริมให้คนออกกำลังกายมากขึ้น
ขณะที่ นายไวบูลย์ ชาญเชี่ยว ผู้ช่วยผู้ว่าการเทคโนโลยีสารสนเทศ กฟผ. กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ยูเอ็นให้ความสำคัญต่อ “จักรยาน” เพราะสามารถช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการมีสุขภาพและยกระ ดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้จักรยานให้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งทาง กฟผ.ก็มีแผนที่จะทำให้สำนักงานเป็นสำนักงานสีเขียว โดยริเริ่มให้บุคลากรเดินทางภายในสำนักงานโดยใช้จักรยาน
ปิดท้ายที่ รศ.ดร.ประทุม ม่วงมี คนไทยคนที่สองที่ปั่นจักรยานข้ามโลก เล่าว่า ในปี พ.ศ.2512 ขณะนั้นอายุ 20 ปี ได้ปั่นจักรยานคู่ชีพเพื่อไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา เป็นระยะทางกว่า 18,000 กิโลเมตร ใช้เวลา 175 วัน (ราว 6 เดือน) จากจังหวัดลพบุรี ถึงมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ซึ่งผ่านมาแล้ว 50 ปี จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงปั่นจักรยานอยู่ แต่รูปแบบและจุดประสงค์ในการปั่นจักรยานได้ต่างออกไป
“ก่อนหน้านี้ผมเคยปั่นจักรยานด้วยความรู้สึกท้าทายตนเอง แต่ในปัจจุบันด้วยข้อจำกัดเรื่องงานและเวลา ทำให้ผมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพในฟิตเนสแทน และอาจจะมีบ้างที่ออกไปปั่นกับเพื่อนๆ ในชมรมจักรยานเพื่อผ่อนคลาย โดยพื้นฐานผมเป็นคนที่รักจักรยานอยู่แล้ว ชอบกิจกรรมที่เกี่ยวกับจักรยาน ประกอบกับตอนนี้ในประเทศไทยผู้คนเริ่มหันมาขี่จักรยานกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการตระหนักเรื่องสุขภาพ เพราะการขี่จักรยานทำให้มีสุขภาพดี ส่วนในมุมมองของ “คนจักรยาน” ผมมองว่า เรามีวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันที่ดี คือมีการพบปะ ทักทาย แลกเปลี่ยนข้อมูล และแชร์ประสบการณ์ เช่น ที่พักที่ไหนดีบ้าง เป็นต้น จนบางครั้งก็คิดเล่นๆ ว่า ถ้าสังคมไทยอยู่กันแบบสังคมจักรยานคงจะดีไม่น้อย” รศ.ดร.ประทุมกล่าว และว่า
“นอกจากการปั่นจักรยานจะเริ่มต้นที่เรื่องส่วนตัว คือปั่นแล้วสุขภาพร่างกายดี ยังได้เชื่อมโยงไปถึงประเด็นปัญหาโลก ที่ว่าการปั่นจักรยานช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ จึงคิดว่าเป็นกิจกรรมที่ควรได้รับการจัดการเชิงนโยบายที่จริงจังมากขึ้น อย่างในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ผมเคยปั่นจักรยานไป มีโครงการเพื่อจักรยานเยอะแยะไปหมด เช่น ถนนจักรยานระหว่างเมือง ที่จอดจักรยาน ตลอดจนวิถีชีวิต และสิ่งอำนวยความสะดวก ถ้าประเทศไทยสามารถพัฒนาไปถึงระดับนั้นได้ ก็จะทำให้คนใช้จักรยานเพิ่มขึ้น”
ปั่นเพื่อสุขภาพที่ดี