อายุน้อยฝ่าวิกฤตโควิด “ก้องภพ” ผู้พา “กีกี้ บิวตี้ สเปซ” เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

กีกี้ บิวตี้ สเปซ

อายุน้อยฝ่าวิกฤตโควิด “ก้องภพ” ผู้พา “กีกี้ บิวตี้ สเปซ” เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

ในสภาพเศรษฐกิจฟุบเพราะพิษการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา คนไทยจะได้เห็นภาพการ “ปิดตัว” ของสถานประกอบการหลายต่อหลายแห่ง ข่าว “ตกงาน” มีออกมาให้เห็นไม่เว้นวัน ภาพพนักงานกอดคอร้องไห้ที่ถูกเลิกจ้าง ชวนให้รู้สึกสลดกันไปตามๆ กัน

เรียกว่า “ไม่ง่ายเลย” กับสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องคิดถึงการเปิดกิจการใหม่ ที่หลายกิจการขอชะลอออกไปก่อน เพราะไม่อยากเสี่ยงกับสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้

แต่ทั้งหมดนี้ “สวนทาง” กับร้าน “กีกี้ บิวตี้ สเปซ” (KIKI Beauty Space) ในสยามสแควร์ ซอย 3 ที่ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เปิดกิจการร้านบิวตี้ได้เพียง 4 เดือน ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม

ร้านกีกี้ บิวตี้ สเปซ (KIKI Beauty Space) ในสยามสแควร์ ซอย 3
ร้านกีกี้ บิวตี้ สเปซ (KIKI Beauty Space) ในสยามสแควร์ ซอย 3

ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ หนุ่มวัย 28 ปี เจ้าของร้านกีกี้ บิวตี้ สเปซ เผยว่า เราเจออุปสรรคตั้งแต่เปิดร้านเลย ทั้งเรื่องคนจีนไม่เข้าประเทศ ม็อบ และโควิด-19

Advertisement

“เราเจอเยอะ แต่เราก็ต้องปรับตัวทุกสถานการณ์ คือ เราไม่เคยมองว่า เราจะถอยในช่วงเศรษฐกิจแย่ แต่มองว่าถ้าเราสามารถอยู่รอดได้ในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ เราก็จะสามารถอยู่รอดได้ทุกช่วงเวลา” ก้องภพเผยถึงอุปสรรคที่ต้องเจอ ซึ่งร้านกีกี้เปิดเมื่อเดือนตุลาคม 2563 โควิดยังไม่ทันหาย วัคซีนก็ยังไม่มา แต่เขาก็เลือกที่จะเดินหน้า

“ก่อนเปิดกีกี้ก็ลงทุนสะสมมาก่อน จากที่ทำร้านเสื้อผ้าแฟชั่น และมีบิวตี้โซน ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านบิวตี้เต็มตัว ซึ่งเรามีเวลา 2 อาทิตย์ก่อนรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์รอบแรกในการตัดสินใจ ตอนนั้นเราก็มองตลาดว่าเป็นยังไง ทำร้านบิวตี้ที่สยามจะเวิร์กไหม เราก็กล้าเสี่ยง เพราะตอนนั้นโควิดซาแล้ว เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ยอดเราโต 100 เปอร์เซ็นต์ คือเบิ้ลๆ ทุกเดือน ก็ดีใจและภูมิใจที่มีคนให้คนสนใจร้านเยอะ เริ่มแรกก็มาจากกลุ่มเพื่อนก่อน จากนั้นก็กระจายไปกลุ่มใหม่ๆ เพราะคนที่มาส่วนมากพอประทับใจเขาก็ไปบอกต่อ ลูกค้าก็เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่เราไม่ได้โปรโมตอะไรเลย มีเพียงลงรูปทางอินสตาแกรมของร้านเท่านั้น แต่ผลตอบรับดีมาก”

เพียงอายุ 28 ปี หนุ่มคนนี้มี “วิธีคิด” อย่างไรถึงสามารถดำเนินธุรกิจเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจฟุบได้

Advertisement

“ก้องภพ” จบการศึกษาปริญญาตรีเกียรตินิยม คะแนนท็อปไฟต์เปอร์เซ็นต์ของรุ่น จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นบินไปต่อปริญญาโท ด้านซัพพลาย เชน เมเนจเมนต์ ที่ Cass Business School กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนกลับมาทำงานด้านที่ปรึกษาด้านการลงทุนต่างประเทศ ที่ SCB Julius Baer ซึ่งเป็นการจอยท์เวนเจอร์ของธนาคารไทยพาณิชย์กับธนาคารจูเรียสแบร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งที่นี่ได้ให้ประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะการมองเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ

“การที่เราจบสถาปัตย์ข้อดีมีเยอะ แต่การที่เราจะมาทำธุรกิจ ก็ต้องมีความรู้เรื่องธุรกิจเข้ามาช่วย ซึ่งก้องเลือกเรียนซัพพลาย เชน เมเนจเมนต์ เรียนการดูระบบทั้งหมดของธุรกิจ ซึ่งสามารถเอาไปแอพพลายได้กับทุกๆ ธุรกิจ มีเรียนเกี่ยวกับไฟแนนซ์กับอนาไลติก ซึ่งทำให้เรามีความคิดว่าไม่ว่าทำอะไรก็ตาม ถ้ามีการวิเคราะห์ที่แน่น และเราสามารถฟอร์แคสได้ เราก็จะมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าไปทางไหน”

ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ หนุ่มวัย เจ้าของร้านกีกี้ บิวตี้ สเปซ

ซึ่งนี่คือหนึ่งในเคล็ดลับก่อนมาเป็นร้านกีกี้ด้วย

“โดยส่วนตัว จะเป็นคนคิดบวกอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีการวิเคราะห์ที่แน่น และวิเคราะห์มาเพื่อให้เป็นสิ่งที่มั่นใจว่าเราทำได้ ซึ่งก้องก็ทำเป็นตัวเลขออกมาเลย เพราะเป็นเด็กเนิร์ดพอสมควร (หัวเราะ) เราก็เอาลงเอ็กซ์เซลแล้ววิเคราะห์ทั้งเรื่องโลเกชั่น กลุ่มลูกค้า ลองวิเคราะห์เรื่องการลงทุน รวมกับสิ่งที่จะได้ผลตอบรับกลับมา ก็เป็นการวิเคราะห์ที่ค่อนข้างครบ แทบจะรอบด้าน เราก็ค่อนข้างมั่นใจตั้งแต่ก่อนเปิดว่าเราทำได้ และหลังจากนั้น เราก็ไม่ต้องคิดว่ามันจะได้หรือไม่ได้ เพราะเราวิเคราะห์มาแล้วว่ามันต้องได้แน่นอน เพราะถ้ามันไม่ดี เราก็คงไม่เริ่มตั้งแต่แรก อันนี้เป็นมายด์เซต”

และอีกหนึ่งมายด์เซต คือ “การเริ่มต้นธุรกิจของก้อง ไม่ได้มาจากสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่มองว่า ทำอะไรเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่เราต้องทำอะไรที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากกว่า เพราะสิ่งที่เราชอบ เราอาจจะทำเป็นงานอดิเรกแทนได้ แต่ว่าการที่เราดำเนินชีวิตต้องมาจากการที่เราจะทำอะไรสักอย่างแล้วมันประสบความสำเร็จ เพราะถ้าไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะไม่สามารถไปมีงานอดิเรกได้”

ทว่าเส้นทางแห่งความสำเร็จกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้กระแสตอบรับดี แต่ต้องมาเจอวิกฤตคนจีนไม่เข้าประเทศ หลังจากนั้นปัญหาก็มาจ่อไม่หยุด ทั้งม็อบ และโควิด

“เราก็ต้องปรับตัว โดยคิดว่าทำยังไงก็ได้ ในช่วงที่มันแย่ ให้ได้กำไรมากที่สุด เราก็ต้องหากลยุทธ์ อะไรใหม่ๆ ตามสถานการณ์นั้นๆ อย่างตอนคนจีนไม่เข้าประเทศ เราก็เปลี่ยนทาร์เก็ตมาเป็นคนในประเทศแทน ส่วนม็อบ เราเจอถึงขนาดที่ว่ามาฉีดน้ำหน้าร้านตรงนี้เลย แต่ก็มองว่าเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เราก็จะไม่ไปกังวลกับตรงนั้น เรามองในสเต็ปถัดไป ทำยังไงให้คนเชื่อมั่นที่จะกล้ามาสยาม เราก็เริ่มพูดถึงเรื่องความปลอดภัย หรือวิธีการมาในสยามว่าสามารถมาได้ปกติแล้ว ส่วนโควิด เราก็มีมาตรการดูแลความสะอาดที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า เราเจอแต่เรื่องเต็มไปหมดเลย แต่เราก็พยายามที่จะอยู่รอดให้ได้”

กีกี้ บิวตี้ สเปซ
กีกี้ บิวตี้ สเปซ

สำหรับร้านกีกี้ บิวตี้ สเปซ เปิดขึ้นด้วยความตั้งใจที่อยากให้เป็นศูนย์บริการความสวยความงามครบวงจร ก้องภพจึงเลือกใช้คำว่า “บิวตี้ สเปซ” แทนคำว่า “ซาลอน” ปัจจุบันเปิดให้บริการทำผมและทำเล็บ ในอนาคตจะมีบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา เช่น ขนตา แวกซ์คิ้ว โดยตกแต่งร้านให้เข้ากับ

เทรนด์ยุคใหม่ มีต้นแบบมาจากร้านซาลอนในนิวยอร์ก เกาหลี ที่ตกแต่งร้านเหมือนอาร์ตแกลลอรี

“หลังโควิด เราคิดว่าสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันคือ การดูแลตัวเอง จึงทำเป็นบิวตี้ครบวงจร ที่ลูกค้ามาแล้วประทับใจ แต่เราไม่ได้มองว่าผลลัพธ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เรามองว่าเวลาที่เขาอยู่ในซาลอน มันเยอะกว่าการที่เห็นแค่ผลลัพธ์ตอนจบ จึงอยากให้ลูกค้าเข้ามาใช้เวลาแล้วคุ้มค่า ระหว่างให้บริการก็ให้ความรู้เรื่องการทำสีผม และผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารที่ให้ลูกค้าสั่งมารับประทานได้ ถ้าใครต้องการนำคอมพ์มาทำงาน เราก็เตรียมที่ชาร์จแบตให้ด้วย เมื่อก่อนอาจจะเป็นเวิร์กฟรอมโฮม เวิร์กฟรอมคาเฟ่ แต่ตอนนี้ก็เป็นเวิร์กฟรอมซาลอนได้เหมือนกัน”

โดย “คีย์” ในการทำธุรกิจคือ “การมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าเสมอ”

“เราเชื่อมั่นในของดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร เราใช้ของดีเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะแพงกว่า แต่เรามองว่าของถูกในโลกมันไม่มีอยู่แล้ว นอกจากจะฟลุกจริงๆ คือ ถ้าลูกค้าจ่ายแพง เขาต้องได้ของดีด้วยไม่ใช่จ่ายแพงแล้ว ได้อะไรก็ไม่รู้กลับไป”

“ก็กล้าพูดเลยว่า ในร้านของเราใช้ของดีหมดทุกอย่าง เช่น เตียงสระผม เป็นเตียงไฟฟ้าปรับเอนนอนได้ 180 องศา เครื่องหนีบผมเป็นแกนเซรามิก นำเข้าจากเกาหลี เมื่อหนีบกับเส้นผมจะไม่ทำลายวิตามินในเส้นผม ไดร์ผมใช้ซุปเปอร์โซนิคของไดสัน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทำผมที่เราไม่ได้ผูกมัดกับแบรนด์ใดแบรนดห์หนึ่ง แต่จะนำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของแต่ละแบรนด์มาใช้ ตรงนี้เป็นข้อแตกต่างที่ยังไม่มีใครเคยทำ และร้านเราเป็นจุดศูนย์รวมของไฮเอน แฮร์โปรดักซ์ ซึ่งที่นี่มีโปรดักซ์จำนวนมาก เรามีแชมพู 20 กว่าตัว เช่น OLAPLEX แบรนด์อเมริกา ซึ่งเป็นแบรนด์ท็อปๆ ของโลก Fanola แบรนด์ไฮเอนด์ จากอิตาลี milkshake แบรนด์ที่มีความเป็นธรรมชาติสูง จากอิตาลี เช่นกัน รวมทั้ง MILBON เป็นเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่น”

กีกี้ บิวตี้ สเปซ
กีกี้ บิวตี้ สเปซ
กีกี้ บิวตี้ สเปซ
กีกี้ บิวตี้ สเปซ

แม้กว่าจะมาถึงตรงนี่้ไม่ง่าย และก้องภพก็มองว่า ความสำเร็จยังอีกยาวไกล และยังฝากถึงคนที่ตั้งใจจะทำธุรกิจของตัวเอง

“จากที่เจอหลายๆ คนเข้ามาปรึกษา คือ ความกลัว กลัวที่จะทำอะไรสักอย่าง ก้องมองว่าสิ่งแรกที่ต้องมีคือความมั่นใจ แต่ความมั่นใจไม่ใช่ว่ามั่นใจแบบไม่มีหลักการ โดยเราต้องวิเคราะห์ออกมาด้วยว่าทำแล้วเป็นยังไง ตัวธุรกิจที่อยากทำคืออะไร ทำมาเพื่อใคร ทำมาให้ใคร ขายที่ไหน จะขายได้มั้ย คือ เราก็ต้องมีการวิเคราะห์เบื้องต้นว่ามันจะเป็นยังไง มันจะประสบความสำเร็จไหม ทุกอย่างเราต้องรู้สึกว่ามาจากการเตรียมความพร้อมก่อน และถ้าเราพร้อมแล้ว เราสามารถส่งมอบแพคเกจนี้ออกไปสู่โลกข้างนอกแล้ว ก็ให้มั่นใจกับตัวเราและตัวโปรเจ็กต์ที่เราจะทำ และมุ่งไปเลย”

สิ่งสำคัญที่สุด ก้องภพเผยว่า ในการทำงาน หลายคนชอบมองแต่ตอนจบว่าทำไมร้านนี้ดังจัง ทำไมร้านนี้สวยจัง ทำไมถึงประสบความสำเร็จ แต่เขาไม่ได้มองถึงโปรเซส (กระบวนการ) ว่ากว่าที่จะประสบความสำเร็จ เขาทำอะไรบ้าง และผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งนี่คือ สิ่งที่ก้องให้ความสำคัญ

ดั่งคติประจำใจที่ก้องภพยึดมั่นมาตลอดว่า “Trust the process. We always end up right where we want to be, right when we”re meant to be there. เชื่อมั่นในกระบวนการ แล้วในที่สุด เราก็จะไปถึงที่ที่เราต้องการ สิ่งที่เราต้องการเป็น”

ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ เจ้าของร้านกีกี้ บิวตี้ สเปซ
ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ เจ้าของร้านกีกี้ บิวตี้ สเปซ

เทรนด์สีผมประจำปี 2564

ก้องภพ เผยว่า เทรนด์สีที่กำลังได้รับความนิยมของลูกค้าที่มาทำที่ร้านคือ “สีเกรบลอนด์บาลายาจ” หรือสีเทาผสมบลอนด์ โดยเทคนิค “บาลายาจ” เป็นเทคนิคการลงไฮไลท์ โดยการใช้พู่กันตัดสี แทนที่จะลงไฮไลท์เป็นเส้น เป็นการไล่สีเข้มลงมาอ่อนโดยการเพ้นท์ เป็นเทคนิคที่ช่างของทางร้านได้เรียนรู้มาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ การทำไฮไลท์แบบ “อินเนอร์ไฮไลท์” ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยสีที่นิยมคือ สีน้ำเงิน สีชมพู สีซิลเวอร์บลอนด์ และสีอมม่วง หรือสีม่วงผสมน้ำตาล

ส่วนสาววัยทำงานที่ยังต้องการความเรียบร้อย แต่ไม่อยากให้ดูน่าเบื่อเกินไป ก้องภพ แนะนำให้ทำสีผมสีน้ำตาลหม่น ที่ดูเป็นสีที่คลาสสิค แต่ทำให้ลุคดูสว่างขึ้น หน้าดูเด็กลง

อินเนอร์ไฮไลท์
สีเกรบลอนด์บาลายาจ

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image