เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ กับข้อถกเถียง เด็กควรไปงานศพหรือไม่?
คอลัมน์ World Update
พระอิริยาบถอันงดงาม น่าเอ็นดู สงบนิ่งเกินวัยของเจ้าชายจอร์จ พระชันษา 9 ปี และเจ้าหญิงชาร์ลอตตต์ พระชันษา 7 ปี พระโอรสองค์โต และพระธิดาองค์รอง ของเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ และ แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายา ในงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และที่โบสถ์เซนต์. จอร์จ ในพระราชวังวินด์เซอร์ ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับเสียงชื่นชม และสร้างความประทับใจแก่ผู้คนทั่วโลก
ข่าวว่าเจ้าชายวิลเลียม และพระชายา ทรงคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบกว่าจะตัดสินพระทัยนำพระโอรส พระธิดาทั้งสอง ยกเว้นเจ้าชายหลุยส์ พระโอรสองค์เล็ก พระชันษา 4 ปีที่ยังทรงพระเยาว์เกินไปที่จะเข้าร่วมในพระราชพิธีพระบรมศพของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งสวรรคตเมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่พระราชวังบัลมอรัล สกอตแลนด์ ขณะมีพระชนม์ 96 พรรษา
เหตุผลหนึ่งคือ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ เคยเสด็จร่วมในพระราชพิธีพระศพของเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีควีนเอลิซาเบธที่ 2 มาแล้ว ซึ่งเจ้าชาย เจ้าหญิงองค์น้อย ทรงวางพระองค์ได้อย่างเหมาะสม น่าชื่นชม
อย่างไรก็ตามท่ามกลางเสียงชื่นชม ก็มีคำถามตามมาเช่นกันว่า เด็กควรไปงานศพหรือไม่?
ลี แชมเเบอร์ นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ให้สัมภาษณ์เว็บยาฮู ยูเค (Yahoo UK)ว่า เรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ ” เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการพาเด็กไปงานศพ มันไม่มีกฎเกณฑ์ที่สามารถตอบได้ทันที หรือแม้แต่เด็กอายุเท่าไร จึงสามารถไปงานศพได้ สิ่งสำคัญคือการตัดสินใจต้องให้เด็กมีส่วนร่วม และต้องถามความสมัครใจของเด็กด้วย ”
ส่วนคำถามว่า เด็กโตพอจะรับมือกับบรรยากาศความโศกเศร้าที่ต้องมีให้เห็นในงานศพได้หรือไม่ แชมเบอร์ ให้ความเห็นว่า สำหรับเด็กบางคน การไปงานศพอาจเป็นประโยชน์ สามารถช่วยเด็กให้จัดการกับความเศร้าเสียใจได้ เพราะ ” ขณะที่เด็กจะเศร้า เสียใจในรูปแบบที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ ดังนั้นการมีโอกาสแสดงความรู้สึก ได้พูดถึงความทรงจำ ประสบการณ์ที่มีกับผู้จากไป และได้มาบอกลาครั้งสุดท้าย สามารถช่วยเยียวยาความเศร้าเสียใจ และเข้าใจถึงการสูญเสียบุคคลที่พวกเขารัก และเด็กๆยังจะได้รับคำปลอบใจจากคนอื่นๆที่มีความรู้สึกเดียวกัน และรู้สึกว่าความเสียใจของพวกเขาก็คือเรื่องปกติ เมื่อเห็นคนอื่นๆแสดงความโศกเศร้าในรูปแบบแตกต่างกันไป ”
นักจิตวิทยาผู้นี้บอกด้วยว่า เด็กบางคนอาจรู้สึกว่าพวกเขาได้ทำสิ่งสำคัญ เคยอยู่ในงานนั้น เพราะพิธีศพเป็นงานที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตของทุกคน
ในความเห็นของ ดิปติ เทต นักจิตวิทยาบำบัด และผู้เชี่ยวชาญบำบัดความเศร้า เจ้าของหนังสือพลาเน็ท กรีฟ ( Planet Grief ) เห็นด้วยกับ ลี แชมเบอร์ว่า ไม่มีคำว่าผิด หรือถูกเมื่อต้องมานั่งตัดสินใจว่าควรจะพาเด็กไปงานศพด้วยหรือไม่ “จริงๆแล้ว มันขึ้นอยู่กับเด็กคนนั้น และความสัมพันธ์ที่เด็กมีกับผู้เสียชีวิต” แต่ดิปติ ก็เห็นว่า การตัดสินใจควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆด้วย รวมถึงอายุของเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้เสียชีวิต และการพาเด็กไปด้วยจะส่งผลต่อการแสดงความเศร้าเสียใจของคุณระหว่างอยู่ในพิธีศพอย่างไรด้วย
” ในกรณีที่เป็นเด็กเล็ก อายุไม่ถึง 10 ขวบ การมีคนในครอบครัวเสียชีวิต การพาเด็กไปงานศพ อาจไม่เป็นผลดี เพราะอาจเป็นสิ่งที่หนักเกินไปทั้งกับตัวเด็กและคนพาเด็กไปด้วย ที่ต้องแสดงความโศกเศร้าต่อหน้าผู้คน แต่ถ้าเป็นเด็กโต อายุมากกว่า 10 ขวบ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้เด็กมีทางเลือกต่อการไปงานศพว่า เด็กๆสามารถจะกลับหรือลุกออกไป ถ้าหากรู้สึกว่ามันหนักเกินกว่าพวกเขาจะรับมือไหว “
ส่วนคำถามว่าแล้วพ่อแม่จะพูดกับลูกว่าอย่างไร ถ้าหากเด็กหรือลูกพร้อมจะไปงานศพ เหมือนเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ที่ทรงมีพระอิริยาบถน่ารัก น่าประทับใจในพระราชพิธีพระบรมศพควีนเอลิซาเบธที่ 2 แชมเบอร์ มีความเห็นว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่พ่อแม่ต้องเตรียมความพร้อมให้ลูก และช่วยลูกในการตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ ” การช่วยลูกในการตัดสินใจ สามารถเป็นประโยชน์เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเวลาเกิดความโศกเศร้า การให้ข้อมูลแก่ลูกเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องพบเจอในงานศพ อย่างเช่นอารมณ์ ความรู้สึกที่เด็กๆจะได้เห็น และเด็กๆจะได้เจอใครบ้าง สามารถช่วยให้เด็กรู้สึกปลอดภัย ”
แต่หากว่า ลูกๆไม่ได้ไปร่วมงานศพกับพ่อแม่ ถึงแม้เป็นเด็กที่โตแล้วก็ตาม พ่อแม่ก็ควรให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการสูญเสียนี้ โดยต้องให้เวลาลูก ให้พื้นที่แก่ลูกที่จะตัดสินใจแสดงความเสียใจในรูปแบบของเด็กเอง “ถ้าเด็กไม่สามารถไปร่วมงานศพของคนในครอบครัว คนที่เขารัก เป็นสิ่งสำคัญมากที่เด็กต้องได้รับโอกาสแสดงความเศร้าเสียใจในรูปแบบอื่น ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวสำหรับเด็กแแต่ละคน การทำกล่องใส่ความทรงจำ การวาดรูป และร่วมพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆสามารถช่วยได้ รวมถึงการเดินทางไปเยี่ยมสุสานที่ฝังศพภายหลัง เมื่อเด็กรู้สึกสงบขึ้นแล้ว นั่นเท่ากับทำให้เด็กรู้สึกหมดเรื่องค้างคาใจ ”