กาญจนา ภวัครานนท์ จากผู้บริหารงานการศึกษา สู่แพชชั่นงานการเมือง

กาญจนา ภวัครานนท์ จากผู้บริหารงานการศึกษา สู่แพชชั่นงานการเมือง

อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ก้าวเข้าสู่วัยทำงานแบบเต็มตัวตั้งแต่อายุยังน้อย รับบทหัวหน้าครอบครัว เพราะคุณพ่อ หัวหน้าตัวจริงเสียชีวิตกระทันหัน บวกกับงานในฐานะกรรมการโรงเรียน BROMSGROVE INTERNATIONAL SCHOOL THAILAND รวมถึงกรรมการบริษัทอีก 4 แห่ง และทำงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร

เรียกว่า งานล้นตัวแทบจะหาเวลาว่างไม่เจอ กับสาว “ฟลุ๊ค -กาญจนา ภวัครานนท์” ด้วยวัยเพียง 27 ปี แต่ที่ปรับตัวได้เพราะเห็นการทำงานของคุณพ่อที่มีความตั้งใจในการพัฒนาการศึกษามาโดยตลอด

“ปรับตัวได้เพราะมีพ่อเป็นแบบอย่าง ได้เห็นพ่อทำงานในฐานะผู้บริหาร เราเลยมีโอกาสเรียนรู้ ได้ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เรียนที่ Bromsgrove International School ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัว มีส่วนในการบริหารงานแบบไม่รู้ตัว แบบว่าคุ้นเคยกับโรงเรียน เวลาเห็นอะไรไม่ดี ไม่โอเค ก็จะบอกคุณพ่อ พ่อก็นำไปเปลี่ยนแปลงเพื่อให้โรงเรียนดีขึ้น พอมีโอกาสมาบริหารเอง ก็จะนำวิธีเดียวกันมาใช้” ฟลุ๊คกล่าว

Advertisement

ด้วยพื้นฐานจากความชอบ ผนวกกับเป้าหมายที่ชัดเจนทีตั้งใจเข้ามาพัฒนาด้านการศึกษา ซึ่งฟลุ๊คมองว่า จุดสำคัญที่สุดต้องเริ่มจากครอบครัว และระบบการศึกษาที่ดี ฟลุ๊คสั่งสมประสบการณ์จากที่ได้เรียนรู้ ทั้งจาก Bromsgrove International School จากนั้นไปศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษา ปริญญาตรีจนถึงปริญญาโท ด้านการบริหารที่ประเทศอังกฤษ บวกกับเก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมโดยเข้าทำงานที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่อีก 2 ปี มาใช้บริหารธุรกิจที่บ้าน และวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร จนเกิดความร่วมมือระหว่างหนึ่งโรงเรียนกับหนึ่งมหาวิทยาลัย

คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ฟลุ๊คบาลานซ์ชีวิต สู่ Passion ความสุข ด้วยการบริหารวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร 70% และ 30% บริหารงาน BromsgroveInternationalSchool ลงมือทำด้วยตนเองตั้งแต่การคัดเลือกคณาจารย์ พัฒนาหลักสูตร วางแผนการตลาด วางแผนการเรียนการสอน โดยยึดนักศึกษาเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้

Advertisement

แม้ว่าจะมีงานล้นตัว ฟลุ๊คบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลได้ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว ซึ่ง Work-life Balance ของฟลุ๊ค คือ การได้ทำงานที่รัก การทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และส่วนหนึ่งได้ใช้ชีวิตกับครอบครัว การสร้างความสมดุลในชีวิตและการทำงาน ไม่ใช่เพียงการจัดแบ่งเวลาที่ดี แต่ยังต้องมีการสร้างวินัยในการทำงาน มีระบบระเบียบที่ยืดหยุ่น และต้องมีสุขภาพกายใจที่ดี มีกำลังใจที่ดี ค้นหาสิ่งที่เรารักเราชอบ และต้องลงมือทำด้วยมุ่งมั่น ตั้งใจอยากทำให้ดีขึ้น

“คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน หากเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เราจะเกิดความหลงใหลต่อสิ่งนั้น ต่อให้เราใช้เวลาตลอด 24 ชั่วโมงเพื่ออยู่กับสิ่งนั้น เราจะสนุก มีความสุขที่ได้ทำ ไม่รู้สึกว่าการทำงานมันเหนื่อย หรือทำให้เราท้อ อยากให้ทุกคนค้นหา Passion เจอสิ่งที่รัก เพราะถ้าหาก ได้ทำสิ่งที่รัก ที่ชอบ เราจะทำได้ดี และประสบความสำเร็จ รวมถึงอย่าไปท้อ หรือเหนื่อยต่อปัญหา เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ตำแหน่งไหน ทำงานอะไร หรือการใช้ชีวิตส่วนตัว ล้วนมีปัญหาเข้ามาให้แก้ไขเสมอ เราต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เผชิญปัญหา และรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย” ฟลุ๊คกล่าว

แม้อายุเพียง 27 ปี แต่ฟลุ๊คคลุกคลีในวงการศึกษามาแล้วกว่า 3 ปี ฟลุ๊คพบว่า เด็กไทยประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อให้เด็กได้รับการพัฒนาด้านการศึกษาอย่างเต็มที่
แต่ที่เห็นชัด และน่าเป็นห่วงที่สุด คือ เรี่องสุขภาพจิตของนักศึกษาที่จำเป็นต้องได้รับดูแลเอาใจใส่และแก้ไขอย่างเร่งด่วน จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฟลุ๊คตัดสินใจเข้าทำงานการเมือง เพื่อหาทางนำปัญหาเหล่านี้ขึ้นสู่ระดับที่จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันนโยบายอย่างจริงจัง

สุขภาพจิตเป็นหนึ่งปัญหาใหญ่ที่คนมองข้าม ทั้งที่ส่งผลกระทบทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งจากผลสำรวจขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า ในปี 2021 วัยรุ่นไทยในช่วงอายุ 13-17 ปี มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายถึงร้อยละ 17.6 นอกจากนี้ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ระบุว่า ไทยมีผู้ป่วยสุขภาพจิตเกือบ 4 ล้านคนในปี 2564 และจังหวัดท็อป 5 ที่มี อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จสูงที่สุดระหว่างปี 2559-2563 กลับไม่ใช่กรุงเทพ แต่เป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ ตากและน่าน

ฟลุ๊คมองว่า ปัญหาสุขภาพจิตของไทยเข้าขั้นวิกฤต เราจำเป็นต้องหาทางแก้ไขโดยเร็ว รัฐบาลต้องมีนโยบายช่วยเหลือด้านนี้อย่างจริงจัง ซึ่งเราอาจจะมีปัญหาอุปสรรค เช่น งบประมาณไม่เพียงพอ มีจิตแพทย์ไม่เพียงพอ รวมถึงการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ดีพอ แต่ฟลุ๊คเชื่อว่า หากนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาสนับสนุน จะช่วยบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกเรื่องที่ฟลุ๊คอยากทำ คือ การลดภาระของผู้ปกครอง ซึ่งนับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพที่พุ่งตามเงินเฟ้อ ต้องทำงานหนักขึ้นในขณะที่มูลค่าเงินลดลง และเวลาส่วนตัวที่ค่อย ๆ หายไป ผู้คนดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้มีชีวิตที่ขึ้น การศึกษายังเป็นเป้าหมายสำคัญที่ยังเป็นความหวังว่าต้องดีขึ้นได้ ฟลุ๊คอยากยกระดับสถานศึกษาให้เท่าเทียม นั่นหมายถึงว่า ผู้ปกครองไม่ต้องดิ้นรนเดินทางหลายชั่วโมงเพื่อรับส่งลูกไปเรียน ไม่ต้องเสียเวลารถติด เสียค่าเดินทางที่เยอะขนาดนี้ การเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยดังได้เช่นกัน แต่นั่นแปลว่าผู้ปกครองต้องมีเวลาอยู่กับลูกหลานมากพอ และเข้าใจความต้องการของเด็ก

ทุกวันนี้ มันหมดยุคของความเชื่อที่ว่า ต้องหมอ ต้องข้าราชการเท่านั้น ถึงจะเป็นอาชีพที่ดี อาชีพที่มั่นคง โลกของเรามีอาชีพเกิดขึ้นใหม่มากมาย ทุกอาชีพมีความสำคัญและใช้ความสามารถกันทั้งนั้น ย้อนไปสิบปีก่อน ใครจะคิดว่าเด็กติดเกมส์จะทำรายได้หลักล้านเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ ฟลุ๊คเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็จะเกิดผลสำเร็จได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image