หมอเตือนสาวฮิตใส่ ‘ส้นสูง’ระวังนิ้วหัวแม่เท้าเก-ผิดรูป รุนแรงถึงขั้นผ่าตัด

ในชีวิตประจำวันของหนุ่มสาวออฟฟิศ จำเป็นต้องใส่รองเท้าหนังทำงานเฉลี่ย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งในบางรายเมื่อกลับถึงบ้านอาจจะรู้สึกปวดเท้าบริเวณโคนนิ้วโป้ง หรือเห็นนิ้วเบี้ยวผิดรูป ซึ่งอาการเช่นนี้อาจเป็นผลมาจากนิ้วหัวแม่เท้าเก

นพ.ภัทร จุลศิริ ศัลยแพทย์โรคกระดูกและข้อเท้า โรงพยาบาล (รพ.) เวชธานี กล่าวว่า ลักษณะนิ้วหัวแม่เท้าเก คือ มีการเอียงตัวผิดปกติ นิ้วโป้งเอียงเข้าหานิ้วชี้ ปลายเท้าบีบเข้าหากัน และโคนนิ้วหัวแม่เท้านูนออกมา เกิดการเสียดสีจนปวดบวม ยิ่งบวมก็ยิ่งเสียดสีมาก จนบางครั้งปวดเท้าตลอดเวลาได้ ซึ่งสาเหตุของอาการนี้ มีทั้งที่เกิดจากตัวเราเอง และสิ่งที่มาจากภายนอก เช่น รองเท้า เป็นต้น สำหรับผู้หญิงจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้มากกว่าผู้ชายถึง 13 เท่า เพราะเอ็นมีความยืดหยุ่นมากกว่า จึงถูกดัดได้มากกว่า ถ้ามีพันธุกรรมคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ หรือการมีเท้าที่แบน หรือกระดูกนิ้วเท้ายาวกว่าปกติ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ

นพ.ภัทรกล่าวอีกว่า อีกสาเหตุที่พบบ่อยคือ การใส่รองเท้าผิด หรือมีความเสี่ยง อาทิ รองเท้าส้นสูงหัวแหลมบีบปลาย และมีส้นที่สูงมากร่วมกับหัวที่แหลมก็จะบีบที่ปลายนิ้วเท้าเมื่อใส่เป็นเวลานาน ก็จะดัดให้เท้าผิดรูปถาวรได้ ซึ่งจะพบในผู้หญิงวัยกลางคน ขณะเดียวกัน ในคนไข้ที่มีอาการนิ้วหัวแม่เท้าเกมากๆ นิ้วอาจจะซ้อนกันสีด้านในรองเท้า ดังนั้น การหารองเท้าใส่ก็จะยากขึ้น จนบางครั้งใส่ได้แต่รองเท้าแตะก็มี

นพ.ภัทรกล่าวว่า คนไข้ที่มีปัญหากับโรคดังกล่าวแล้วจะต้องรักษา ถ้าเป็นไม่มากแพทย์ จะให้ใส่อุปกรณ์พยุงนิ้วเท้าไม่ให้เป็นมากขึ้น จะใช้ซิลิโคนคั่นนิ้วเท้า ร่วมกับกินยาลดอาการอักเสบ แต่ถ้ามีอาการปวดเท้าเรื้อรัง นิ้วหัวแม่เท้าเกผิดรูป หรือนิ้วขี่กัน แพทย์จะต้องทำการผ่าตัดเพื่อจัดกระดูก โดยจะตัดแต่งกระดูกให้นิ้วหัวแม่เท้ากลับมาตรง หรือเจียรปุ่มกระดูกที่นูนออก เพื่อให้สามารถใส่รองเท้าได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ถ้าอยากรู้ว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนิ้วหัวแม่เท้าเกหรือไม่ ให้ลองถอดรองเท้าที่ใส่ประจำดูว่า หัวรองเท้าแคบไปหรือไม่ ใส่แล้วบีบเท้ามากไปหรือไม่ และนำพื้นรองเท้ามาแนบกับฝ่าเท้าดูว่า นิ้วเท้ายื่นเลยจากขอบรองเท้า ซึ่งปกตินิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ควรขนานกันไม่ควรเอียงเข้าหากัน โดยสังเกตโคนนิ้วว่ามีอาการบวม ปวด หรือมีกระดูกงอก นูนออกมาหรือไม่ ถ้ามีควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการอีกครั้ง
แต่ที่แน่ๆ หากไม่อยากเป็นโรคนี้ ควรเลือกรองเท้าที่เหมาะสมคือ รองเท้าไม่คับ หัวรองเท้าไม่บีบ ทดสอบโดยใส่รองเท้าแล้วให้มีพี้นที่พอที่จะกระดิกนิ้วหัวแม่โป้งได้ รวมถึงพื้นในรองเท้าควรนิ่มไม่แข็งจนเกินไป ส้นไม่สูงเกิน 2 นิ้ว และมีก้านรองเท้าที่หน้ามั่นคง เท่านี้ก็จะเป็นการดูแลสุขภาพที่ดี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image