พิมพ์พยัพ ผู้บริหารเจน 2 ‘นารากรุ๊ป’ ความตั้งใจดัน ‘นารา ไทย คูซีน’ สู่ ‘เดททิเนชั่น ออฟ ไทยแลนด์’
เป็นหนึ่งใน 3 ใบเถาที่ทั้งสวยและเก่งของ ‘บ้านศรีกาญจนา’ สำหรับ ลูกสาวคนกลาง ‘พิมพ์ พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา’ ที่เข้ามาช่วยคุณแม่ ‘ยูกิ-นราวดี ศรีกาญจนา’ บริหารงานธุรกิจร้านอาหารของครอบครัว ‘นารา ไทย คูซีน (Nara)’ ร้านอาหารไทยบรรยากาศหรูหราชื่อดังที่ ‘ขึ้นห้าง’ ร้านแรกใจกลางเมือง ตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันโด่งดังจนสามารถขยายสาขาไป 6 ประเทศทั่วโลก
”นาราเปิดมาปีนี้เข้าปีที่ 20 มีทั้งหมด 11 สาขาทั่วประเทศ สาขาแรกเปิดที่เอราวัณ ต่อมาก็ขยายสาขาไปเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์เรียกได้ว่า เราโชคดีที่มาพร้อมกับช่วงที่ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศในแคมเปญอะเมซิ่งไทยแลนด์ โปรโมตประเทศไทยให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการจับธุรกิจของคุณแม่ตอนที่ยังไม่มีร้านอาหารไทยในห้างสรรพสินค้าเหมือนตอนนี้”
ทั้งนี้ ก่อนที่จะก้าวเข้ามาสานต่อธุรกิจร้านอาหาร พิมพ์พยัพ ทายาท ‘จุลพยัพ-นราวดี ศรีกาญจนา’ เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานกับองค์กรต่างๆ มาก่อนกระทั่งก้าวเข้ามาสู่วงการอาหาร ที่แม้จะเป็นธุรกิจครอบครัว หากความเป็น ‘ลูกเจ้าของ’ ก็มิได้ทำให้เธอมีอภิสิทธิ์เหนือใคร
เธอทำงานในฐานะ ‘พนักงานคนหนึ่ง’ ในเครือร้านอาหารชั้นนำ นารากรุ๊ป โดยเริ่มจากงานแฟรนไชส์การติดต่อกับต่างชาติ จากนั้นก็มาดูด้านการตลาด
”นาราเป็นร้านอาหารไทย เราให้คำนิยามตัวเราว่า authentic thai หรือ ต้นตำรับอาหารไทยแท้ เพราะว่าสูตรก็คนไทยทำ อาหารก็รสมือคนไทย มี 200 กว่าเมนู ทุกอย่างที่เป็นอาหารไทย เราต้องมี อย่างสูตรจากชาววัง เราก็พยายามจะให้มี ล่าสุด ข้าวแช่สูตรชาววัง เสียงตอบรับจากลูกค้าคนไทยดีมาก ทำให้เห็นได้ว่า จริงๆ แล้วคนไทยก็ยังเข้าร้านอาหารไทยอยู่”
สำหรับ 20 ปีกับประสบการณ์ ‘ร้านอาหารไทย’ ที่เข้มข้นดั่งรสชาติอาหาร ปัจจุบัน นารา กรุ๊ป มีร้านอาหารในเครือ รวม 9 แบรนด์ รวม 46 สาขา แบ่งเป็นในประเทศไทย 7 แบรนด์ 20 สาขา ได้แก่ ร้านอาหารไทยนารา, อั้งม้อ, บ้านนอกเข้ากรุง, โคลิมิเต็ด, โคโกราวน์, อิงคะ และมาดามแม่ ดิลิเวอรี่ และในประเทศเอเชีย 26 สาขา 6 ประเทศได้แก่ ไต้หวัน ฮ่องกง อินเดีย ศรีลังกา พม่า และ ฟิลิปปินส์
”พาร์ตเนอร์ที่มาร่วมแฟรนไชส์กับเรา ก็มาจากการเป็นลูกค้าเราก่อนที่ไทย ความสำเร็จของเรา มาจากแบรนดิ้งและรสชาติอาหารที่ทำให้คนอยากมาลงทุน สำหรับพิมพ์นี่คือความสำเร็จของอาหารไทยทั้งหมด เป็นเรื่องที่ภูมิใจ เพราะต่างชาติให้มูลค่า ให้คุณค่าอาหารไทย ซึ่งเราก็รักษามาตรฐานของเราอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ เราก็จะคอยมอนิเตอร์ควบคุมมาตรฐานรวมไปถึงการเทรนนิ่ง ที่เราไม่ได้เทรนแค่สูตรอาหาร แต่เทรนตั้งแต่การต้อนรับ เสื้อผ้าหน้าผมของพนักงาน การเข้าหาลูกค้าทุกอย่างมีคู่มือที่ต้องปฏิบัติตาม เพราะนี่คือประสบการณ์ด้วยอาหารเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ของนาราก็มีจริตนารา”
’จริตนารา’ ในที่นี้ คือ การบริการแบบไทยที่ให้ความสำคัญกับการ ‘ดูแลเอาใจใส่’ อาทิ แนะนำเครื่องดื่ม เมนูอาหารที่นิยมและเมนูใหม่
”การดูแลใส่ใจมันมากกว่าแค่อาหาร เพราะคือประสบการณ์ทานอาหารแบบไทย การทานอาหารสามารถบอกได้ถึงวัฒนธรรมนั้นๆ อาหารเป็นทูตในตัวเองให้คนเข้าใจวัฒนธรรมผ่านอาหาร การบริการ เราเชื่อว่าการให้บริการและการต้อนรับแบบไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เราควรให้เขามาถึงและรู้สึกว่านี่คือมาตรฐานของการบริการแบบไทย นี่คืออาหารและการต้อนรับแบบไทย”
ด้วยสแตนดาร์ดที่จัดแน่นจัดเต็ม! นารา ไทย คูซีน จึงเป็นร้านอาหารไทยที่เทียบชั้นอาหารต่างชาติด้วยการตกแต่งร้าน การบริการ และรสชาติที่เป็นอาหารไทยแท้ ‘รสดั้งเดิม’ เป็นร้านอาหารไทยที่คนต่างชาติทุกชาติทุกภาษา โดยเฉพาะ ‘จีน’ ที่เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้ว ต้องแวะเข้ามาลองลิ้มชิมรส
”เรามีมิชชั่นที่ให้คนเข้าใจว่าอาหารไทย คือ รสกลมกล่อม ไม่ใช่ทุกจานต้องเผ็ด ไม่ใช่ทุกอย่างของอาหารไทยเผ็ดและรสเผ็ดก็ไม่ใช่อาหารไทย การเป็นอาหารไทยจริงๆ คือการมีครบรส มาตรฐานของเราคือ รสชาติที่ถูกต้องของต้นตำรับ ให้ผู้รับประทานเข้าใจความหลากหลาย และวัฒนธรรมของอาหารไทย”
ปัจจุบัน พิมพ์พยัพ ในวัย 34 ปี ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร และการตลาดต่างประเทศ ดูแลในเรื่องของโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โฟกัสในเรื่องแบรนดิ้งและแบรนด์ครีเอชั่น สร้างแบรนด์ใหม่ๆ และดูภาพลักษณ์ของแบรนด์
”ปีที่ผ่านมา เราเริ่มมีการทำแบรนด์อื่นๆ มากขึ้น พิมพ์ก็จะดูการสร้างแบรนด์ ซึ่งเราก็เริ่มหาแบรนด์อื่นเข้ามา อะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจลองติดต่อ เอาตัวนาราไปพรีเซ็นต์ว่าสนใจมาอยู่กับนาราไหม ให้นาราดูแลไหม ด้วยเราอยู่ในธุรกิจนี้มา 20 ปี ก็เป็นที่ยอมรับประมาณหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่เราต้องเอาตัวเองออกไปเรามีแฟรนไซส์ เรามี know how เรามีทีมที่พร้อม”
ในฐานะ ‘เจน 2’ ที่เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจ พิมพ์พยัพเผยว่า การทำร้านอาหารในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ยุคนี้คนมาจับทำอาหารไทยมากขึ้น มาร์เก็ตติ้งแลนด์สแคปเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยน แต่เราก็ต้องรู้ตัวเราว่าแกนของเราเป็นอย่างไร เราต้องคงภาพลักษณ์นี้ไว้ นาราอาจจะไม่ใช่ร้านอาหารที่ทานทุกวัน แต่อยากให้นึกถึงกัน แบบเป็น ’ร้านวันพิเศษ’ หรือ ‘ดูแลแขกต่างชาติ’ เพราะยุคนี้ไม่ได้อยู่แค่ในประเทศ แต่มีแขกบ้านแขกเมืองให้เขามาเปิดประสบการณ์อาหารไทย อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าหนึ่งร้านมีนารา ได้สัมผัสวัฒนธรรม ส่วนเรื่องมาร์เก็ตติ้ง เราก็อยู่ในทุกแพลตฟอร์ม การทำธุรกิจมันไม่ใช่แค่อาหารแล้ว มันคือไลฟ์สไตล์ทุกอย่าง การแข่งขันสูงมาก ก็อยู่ที่เราจะดูแลรักษาอย่างไร เพราะปัจจุบันลูกค้ามีตัวเลือกเยอะ ช่องทางเข้าหาลูกค้ามีมากขึ้น เราก็ต้องไปให้หมดทุกช่องทาง
ซึ่งเธอมองนาราในอีก 10 ปีข้างหน้าว่า จะมีการเติบโตไปในทิศทางอื่นๆ มากขึ้น
”ยังอยากให้นาราเติบโตไปอีก ต่อให้เจนเปลี่ยน แต่ก็คงแบรนดิ้งไว้ อยากให้นารามีเส้นสเถียรที่ดี ในฐานะนารากรุ๊ป เราก็พยายามเติบโตไปในทิศทางอื่นๆ เพื่อให้วงการอาหารสนุกขึ้น”
อยู่ในวงการอาหารมา 10 ปี พิมพ์พยัพ เผยว่า นารากลายเป็น ‘คอมฟอร์ตโซน’ ของเธอไปแล้ว แถมยังพูดติดตลกว่า ”ถ้ากรีดเลือดออกมาก็เป็นนาราเลย” และเธอยังมองว่าอาหารไทยเป็น ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่ดีที่สุด
“อาหารไทยเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เป็นอย่างหนึ่งที่คนพร้อมจะเปิดใจเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่นๆ ผ่านอาหาร เพราะซอฟต์พาวเวอร์ จริงๆ มันไม่ใช่หนึ่งอย่างมันคือการทำยังไงให้คนอื่นมองเราดีๆ และอยากรู้จักเรามากขึ้น นาราไม่ใช่ซอฟต์พาวเวอร์ แต่อาหารไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ และก็ยังไปได้อีกไกล นารามีสโลแกนว่าเป็น journey of thai test อาหารไทยไปสู่ครัวโลก หลังจากนี้ต่อไปก็อยากให้นาราเป็น destination of Thailand”
“นี่คือความตั้งใจของพิมพ์”