ยิ่งโตยิ่งสวย ‘ซากุระ ซาโต’ จาก ด.ช.เคอิโงะ สู่ ‘นางงามสาวทรานส์’

ยิ่งโตยิ่งสวย ‘ซากุระ ซาโต’ จาก ด.ช.เคอิโงะ สู่ ‘นางงามสาวทรานส์’

ยังจำกันได้หรือเปล่า ภาพเด็กชายตัวเล็กแต่หัวใจใหญ่ วัยเพียง 9 ขวบ ที่โด่งดังจากการเดินถือรูปตามหาพ่อชาวญี่ปุ่น จนกลายเป็นข่าวดังทั้งในไทยและญี่ปุ่น จนในที่สุด เด็กชายก็ฝันเป็นจริง ได้พบกับพ่อในที่สุด จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมา 25 ปี จากเด็กชายกลายเป็น “สาวทรานส์เจนเดอร์แสนสวย” ใบหน้าหวาน ตาโต ผมดำขลับ นาม “ซากุระ เคอิโงะ ซาโต” หนึ่งในผู้เข้าประกวดมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์ส 2025 ที่พร้อมมาล่ามงกุฎที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยพลังใจจาก “สื่อมวลชน” ที่ให้คำนิยามเธอสมัยยังเป็นเด็กชายว่า “สู้ต่อไปไอ้มดแดง” ย้อนไปตอนเป็น ด.ช. วัย 9 ขวบ ออกมาตามหาคุณพ่อ เป็นข่าวดัง ซากุระเผยว่า รู้สึกดีใจ ไม่คิดว่าสังคมจะให้ความสนใจขนาดนั้น เพราะตัวหนูเอง ตอนเด็กๆ คิดว่าประเทศญี่ปุ่นคือจังหวัด คิดว่าเรื่องไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่พอดีเรารู้ความได้ปุ๊บ เรื่องใหญ่โต ก็ทำให้มีแฟนคลับติดตามดูอยู่ ก็รู้สึกดีใจมากๆ

“ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไปขนาดนั้น แต่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เหมือนแสงสว่างอีกก้าวหนึ่งของชีวิตที่มองเห็นอนาคตของตัวเอง จากตอนแรกแม่เสียไป เราไม่รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน พ่ออยู่เมืองไหน หนูมองไม่เห็นแสงสว่างในชีวิตเลย บอกเลยว่าตอนนั้นชีวิตติดลบเลย ไม่รู้ว่าจะเรียนจบมหา’ลัยไหม ไม่รู้ว่าจะเดินหน้าไปต่อชีวิตได้ยังไง แต่พอมีกระแสออกมา ได้รับความสนใจ ทำให้หนูมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ มีการวาดฝันอนาคต” ซึ่งหลังจากนั้น เธอก็มีโอกาสได้เจอพ่อเรื่อยๆ ในปีถัดมา แต่กระนั้นก็มีเหตุทำให้แยกจาก เมื่อ “เบอร์พ่อหาย” ทำให้ขาดการติดต่อไป กระทั่งกลับมาติดต่อได้อีกครั้งเมื่อเรียนมหาวิทยาลัย และหลังจากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมา

ADVERTISMENT

ซากุระเล่าว่า ในวัยเด็ก นอกจากความฝันที่ได้เจอพ่อแล้ว เธอก็ยังมีฝันอีกหลายอย่าง ทั้งอยากเป็นหมอ อยากเป็นนักดาราศาสตร์ อยากเป็นอะไรอีกมากมาย แต่ความฝันบางอย่างต้องหยุดไป ด้วยกำลังของเงิน หรือการซัพพอร์ตในวัยเด็กที่เริ่มห่างหายไป แต่เธอก็ยังเป็นนักสู้ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิตง่ายๆ

ADVERTISMENT

“เรื่องราวของหนู กว่าจะก้าวผ่านแต่ละก้าวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ก็มีผิดหวังบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง หนูก็เอาตรงนั้นมาเรียนรู้ หนูอยากให้คนรุ่นหลังๆ ได้เห็นชีวิตหนูว่า หนูสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนได้ ในฐานะที่หนูไม่ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ หนูไม่ได้มีต้นทุนที่เพอร์เฟ็กต์ หรือต้นทุนที่สูง แต่หนูสามารถเลือกเส้นทางของตัวเองได้ ซึ่งหนูเป็นคนขยันคนหนึ่ง เป็นคนที่เห็นคุณค่าของเงินมากตอนเด็กๆ เพราะเงินแต่ละบาทที่ได้มา ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเรา กระแสมันมาแล้วมันก็ไป จังหวะที่กระแสไป เราก็ต้องเดินหน้าไปต่อ ตั้งแต่การขายของ ตอนเด็กๆ ให้ทำอะไรก็ทำหมดเลย มีร้องเพลง ขายเสื้อรูปของหนูเอง ทำหลายอย่างมากๆ จนทำให้หนูสามารถก้าวมาอยู่จุดนี้ได้ก็คือ การเป็นแม่ค้า อาชีพค้าขายดีมากๆ เลย เพราะได้เงินวันต่อวัน ได้ตามศักยภาพของตัวเราเองด้วยว่าเราขายเก่งแค่ไหน” แม้ไม่ง่าย แต่เส้นทางชีวิตทุกเส้นทางก็เป็นเส้นทางที่เธอเลือกเองทั้งหมด

“หนูเลือกเส้นทางของตัวเองได้หมดเลย ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็แล้วแต่ เรียนคณะที่ฝัน มันมาจากที่เราเลือกเส้นทางของเราได้ ต้นทุนไม่ได้เป็นอุปสรรคมากสำหรับการที่เราจะเป็นตัวของเราเอง อย่างการศึกษาหนูก็เลือกเรียนคณะสาธารณสุขศาสตร์ สาขาอนามัยชุมชน มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่เลือกเรียนคณะนี้ เพราะอยากนำความรู้มาดูแลตัวเอง และดูแลคนอื่น อีกเหตุผลที่เลือกเรียน เพราะว่าแม่หนูป่วย แล้วหนูไม่สามารถจะดูแลแม่ได้เลย แค่เช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำได้แค่นั้นจริงๆ มันรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้เลย หนูก็เลยเลือกที่จะเรียนวิชานี้” อีกเส้นทางที่เธอเลือกคือ เลือกที่จะเป็นตัวเองอย่างที่ใจต้องการ

“หนูเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว แต่ด้วยความที่สังคมตอนนั้น ก็เลือกไม่เปิดเผยตัวตน เวลาอยู่ในสังคม หรือในที่สาธารณะ หนูก็ทำเป็นปกติ เพื่อไม่ให้ถูกตีตราว่าเป็นตุ๊ด เพราะก็เคยโดนล้อว่าเป็นตุ๊ด และจะแสดงความเป็นตุ้งติ้งก็ต่อเมื่อกลับห้องหรือกลับไปบ้าน ที่หนูจะเป็นตัวตนของหนูออกมาเลย”

“แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่สังคมมัธยมปลาย ซึ่งเป็นสังคมที่เปิดกว้าง นักเรียนสามารถแสดงทัศนคติ แสดงจุดยืนของตัวเอง ตรงนั้น หนูเริ่มมีการแสดงละครของคณะ ของวิชานาฏศิลป์ หนูก็ได้แสดงโชว์รำ ก็เริ่มแสดงตัวตนออกมาให้เพื่อนๆ เห็นก่อน เพื่อนก็ยอมรับ เราก็จะไม่ถูกตีตราในห้องเรียน จากนั้นก็เริ่มแต่งหญิงบ้างเป็นครั้งคราว แต่เรายังไม่คิดว่าทรานส์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็มาเปลี่ยนที่จะเป็นผู้หญิงตอนมหาวิทยาลัย” กับครอบครัว เธอก็คิดว่า “พ่อก็น่าจะรู้”

“ตอนเด็กๆ หนูคิดว่าคุณพ่อรู้ว่าหนูแอบมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไป จากที่พ่อมาเมื่อตอนประมาณ ม.2 ก็พาหนูไปซื้อครีม ซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง หนูก็ อุ๊ย! หรือว่าพ่อรู้ว่าหนูไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พ่อก็ไม่ได้พูด และไม่ได้ถามอะไร จนกระทั่งพ่อมาหาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว พ่อก็ไม่ได้ตกใจ แต่ก็ทึ่งที่หนูเปลี่ยนแปลงตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้ เพราะหนูก็มาได้ไกลในระดับหนึ่งเลย หน้าตาเค้าโครงก็เปลี่ยนไปหลายๆ อย่าง” เปลี่ยนไปยังไงบ้าง สาวทรานส์แสนสวยคนนี้เผยว่า

ตอนเข้าสู่มหา’ลัย หนูก็เริ่มศัลยกรรมบนใบหน้า ทำตา ทำจมูก แล้วค่อยๆ เก็บเงินเรื่อยๆ ทำงานพาร์ตไทม์ตอนเรียนมหา’ลัย เพื่อทำหน้าอกและแปลงเพศ

กับเส้นทางล่าสุด ซากุระเลือกเดินเข้าสู่ “ถนนสายนางงาม” เข้าประกวดมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์ส

“เป็นความใฝ่ฝันของ LGBTQ+ ทุกคนว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิต อยากไปอยู่ในจุดนั้นที่เป็นบริบทของการเป็นนางงาม ได้โชว์ศักยภาพ แสดงความรู้ ความสามารถ เพราะคนที่เข้าไปแล้ว สวยทุกคน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ทัศนคติ และความรู้ความสามารถ ซึ่งหนูเอง ก็อยากมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ตอนนั้นหนูเอาผ้ามาทำเป็นผม เอาผ้าห่มมาทำชุดราตรี หนูก็ฝันว่าสักวันจะไปเหยียบบนเวทีมิสทิฟฟานี่ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต มันก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้หนูพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสวย ความงาม ทัศนคติ หนูพัฒนาการเดิน การตอบคำถาม ทำทุกอย่างเพื่อให้ตอบโจทย์การเป็นนางงามมากที่สุด อยากให้การประกวดครั้งนี้ เปลี่ยนแปลงชีวิตหนู จากเด็กธรรมดาคนหนึ่งกลับมามีชื่อเสียงในฐานะซากุระอีกครั้งหนึ่ง และทำให้ชีวิตหนูมีคุณภาพที่ดีขึ้น ทำให้ความฝันต่างๆ ที่อยากทำ เป็นจริงมากขึ้น และอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย เพศทางเลือก ว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองได้ ให้ดูหนูเป็นตัวอย่าง และอยากทำงานกับองค์กรทิฟฟานี่”

ฝันใหญ่แค่ไหนนั้น ซากุระตอบทันทีพร้อมรอยยิ้มว่า “อยากได้ตำแหน่งสูงสุด คือการเป็นมิสทิฟฟานี่ มาครั้งเดียวแล้วมงเลย”

จากเด็กชาย 9 ขวบ วันนี้ ซากุระยิ่งโตยิ่งสวย และกำลังตามล่าความฝัน แม้ยังไม่สำเร็จ แต่เธอก็ขอบคุณตัวเอง ที่อดทน อดกลั้น ต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากมาย ทำให้เธอเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

“หนูจำบทความของมติชนได้ ที่ลงหนูว่า สู้ต่อไปไอ้มดแดง อันนี้ มันทำให้หนูรู้ว่า ถึงจะตัวเล็ก แต่หัวใจข้างในมันใหญ่มากๆ หนูชอบคำนี้มากๆ และเอามาเตือนสติหนูตลอดเวลาว่า มดตัวเล็ก แต่สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้หลายๆ อย่าง หนูก็เลยชอบคำนี้ว่า สู้ต่อไปไอ้มดแดง”

“อยากขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้ความสนใจ พี่สื่อมวลชนทุกคน ที่ให้ความเอ็นดูหนู ติดตามหนูมาทุกช่วงวัย ไม่ว่าหนูจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ยังให้ความสนใจ หนูรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเคอิโงะ หนูสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนได้ เป็นต้นแบบที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นต่อไปได้ หนูก็พยายามพัฒนาตัวเอง พยายามเอาคำต่างๆ ที่เป็นกำลังใจเอามาพัฒนาตัวเอง”

“ขอบคุณนะคะ” (ยกมือไหว้)

“หนูสัญญาว่าจะพัฒนาตัวเอง เดินตามความฝัน เรียนรู้ปรับปรุงตัวเองและเอาจุดบกพร่องไปพัฒนา ฝากเป็นแรงเชียร์แรงใจให้การประกวดครั้งนี้ของหนูด้วยนะคะ หมายเลข 28 ผู้เข้าประกวดมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์ส 2025” ซากุระ เคอิโงะ ซาโต ทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image