‘โอปอล สุชาตา’ กับภารกิจระดับโลก เผยเรื่องเงินรางวัล ย้ำเป้าหมายคือ ‘การทำเพื่อสังคม’

‘โอปอล สุชาตา’ กับภารกิจระดับโลก เผยเรื่องเงินรางวัล ย้ำเป้าหมายคือ ‘การทำเพื่อสังคม’

คนไทยยังคงอิ่มเอมใจไม่หายกับมิสเวิลด์คนแรกของประเทศ ‘โอปอล สุชาตา ช่วงศรี’ หลังครองมงฟ้ามาเป็นเวลา 20 วัน ที่ผ่านมาหลายเหตุการณ์ และเต็มไปด้วยสารพัดความรู้สึก โดยโอปอลได้เดินทางมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในงาน “Exclusive Interview with Thai media” ณ โรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน กรุงเทพฯ

ซึ่งได้มีการพูดคุยหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งเรื่องอันซีนจากกองประกวดมิสเวิลด์ แผนการทำงานหลังจากนี้ในฐานะมิสเวิลด์ 2025 รวมถึงเรื่องเงินรางวัลที่ตกเป็นประเด็นในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยโอปอล กล่าวว่า เกียรติยศเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับโอปอล ความภาคภูมิใจ และการได้รับเกียรติ เป็นสิ่งที่ซื้อไม่ได้ มันต้องได้รับโอกาสในการทำอะไรที่เหมาะสมเพื่อที่ได้รับมัน แล้วมันเป็นสิ่งที่ได้รับไม่บ่อยในชีวิต โอปอลรู้สึกขอบคุณกับโอกาสนี้ ในส่วนของรางวัลต่าางๆ ไม่ว่าจะเป็นเงิน สิ่งของหรืออะไรก็แล้วแต่ โอปอลมองเป็นรีวอร์ดให้กับความเหนื่อยของเรา แต่ก็เป็นพาร์ทหนึ่งที่โอปอลจะไปจัดการทีหลังได้ และอยู่ที่ว่าเราได้รับอะไรมา ก็อยู่ที่ว่าเราจะจัดการยังไงให้มันสามารถเพิ่มพูนได้ในอนาคต

สำหรับเรื่องเงินรางวัล ตอนนี้ยังไม่ได้คุยรายละเอียด แต่ว่าคิดว่าก็คงเหมือนการประกวดนางงามทั่วไป โอปอลยังไม่ได้ถามถึงทั้งหมดว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเส้นทางในการประกวดโอปอลไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะจุดมุ่งหมายหลักของเราคือเราอยากเดินทางรอบโลกไปทำการกุศลต่างๆ อยากให้คนไทยได้มีอะไรภาคภูมิใจกับตำแหน่งนี้

ADVERTISMENT

พร้อมทั้งย้ำว่า ยังไม่ได้ถามรายละเอียด แต่ก็มองว่า รางวัลเป็นภาพรวมหลังจากได้รับมงกุฎ ก็อาจจะมีทั้งเงินรางวัล เงินสนับสนุน บ้าน ที่อยูุ่ โอปอลก็ได้ยินมาเหมือนกันกับทุกคน แต่ยังไม่ได้ถามรายละเอียด น่าจะเป็นภาพรวมมากกว่า และก็คงดีถ้ารวมทุนสนับสนุนในโครงการของเราด้วย

ในส่วนของแผนการทำงานหลังจากนี้ โอปอลก็ว่า “หลังจากนี้จะไปประเทศอินโดนีเชีย แทนซาเนีย แต่ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ อาจจะต้องไปอังกฤษก่อน ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่จะได้ไปก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะไปไหนบ้าง เพราะแต่ละปีขึ้นอยู่กับพาร์ทเนอร์ของมิสเวิลด์ในแต่ละปี แต่ส่วนตัวคิดว่าต่ำ ๆ น่าจะเกิน 10 ประเทศเพราะคุณจูเลียร์เน้นการเดินทางจริง ๆ เพราะเขาอยากให้เราไปเห็น และไปช่วยเหลือเด็ก ๆ ในทุกประเทศ คิดว่าคงไปให้มากที่สุดเท่าที่จะไปได้ แต่ก็ต้องดูในเรื่องของตารางด้วย เพราะอย่างที่บอกเขาก็ให้ความสำคัญในเรื่องการพักผ่อนและสุขภาพด้วย อาจจะมีไปสองถึงสามประเทศและเว้นช่วงให้พักบ้าง และอาจจะมีเวลากลับไทยค่อนข้างบ่อยเพราะเขาอยากให้เราใช้ชีวิตกับที่บ้านด้วย และอยากให้มาทำ Beauty with a purpose ที่ประเทศของเรา”

สำหรับการเป็นนางงามที่สร้าง ‘ตำนาน’ มงแรกให้ประเทศ โอปอลเผยว่า คำว่าคนแรกของประเทศไทย พอได้ยิน เธอก็ยอมรับว่า “ไม่ได้รู้สึกว้าวขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะยังมองภาพไม่ออก อาจจะหลังจากนี้อีก 20-30 ปี เราน่าจะเห็นภาพมากขึ้น และก็คงรู้สึกดีใจ เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปีแล้ว คนก็ยังพูดถึงเรา ต่อให้เราแก่ตัวลง เป็นคุณยายไปแล้วหรือไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว คนก็คงจะพูดถึงเราอยู่ เราคงได้เป็นแบบอย่างให้กับมิสเวิลด์ไทยแลนด์รุ่นต่อ ๆ ไป”

เมื่อให้เปรียบตัวเองเป็นสวนดอกไม้ เป็นสวนดอกไม้อะไร และรดน้ำพรวนดินอย่างไร โอปอลตอบว่า ขอเปรียบตัวเองเป็น “ดอกรัก” เพราะว่า ดอกรักเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่โอปอลชอบมาก ๆ และด้วยชื่อของมัน มันก็เป็นดอกที่เต็มไปด้วยความรัก ต้องใช้ความรัก ความละเอียด ความพิถีพิถันในการนำไปใช้งาน นั่นคือสิ่งที่โอปลได้รับจากทุกคนในการดูแลสวน เหมือนที่โอปอลบอกว่า ถ้าโอปอลดูแลด้วยตัวเองเหนื่อยมาก เพราะมันผ่านพายุ ผ่านมรสุม ผ่านความแห้งแล้ง ตามช่วงชีวิตที่เราเจอ

แต่พอมีทุกคนมาช่วย มันก็ทำให้เราเรียนรู้มากขึ้น “เหมือนเราไปดูเพื่อนบ้านเราว่าเขาดูแลต้นไม้ยังไง เราก็มีโอกาสได้ไปเรียนรู้ หรือบางทีก็แวะมาที่บ้าน สอนเราพรวนดิน มันคือการเติบโตของโอปอลในช่วง 2-3 ปีนี้เลย” และโอปอลก็ชอบดอกรัก เพราะมันถูกนำไปใช้ในการทำพวงมาลัย ซึ่งสำหรับโอปอล พวงมาลัยเป็นอะไรที่มีความหมายมาก ด้วยความที่เราเป็นคนไทย เราอยากที่จะรักษาวัฒธรรมความเป็นไทยตรงนี้ไว้ สำหรับโอปอลมันเป็นสิ่งที่สื่อสารความรู้สึกของเราได้ดีที่สุด ถ้าเราอยากที่จะแสดงความเคารพ ให้เกียรติ หรือให้ความรักกับใคร

อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนโฟกัสคือ ‘คุณแม่สุพัตรา ช่วงศรี’ ที่ส่งต่อดีเอ็นเอความงามมาสู่ลูกสาวอย่างโอปอล ที่เติบโตมาเป็นหญิงสาวที่สง่างามทั้งภายนอก และภายใน หลายคนจึงต้องการทราบถึงการวิธีการเลี้ยงดู และการปลูกฝังมิสเวิลด์คนนี้ให้เป็นคนที่สวยงาม โดยโอปอลเผยว่า สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงโอปอลมา คือ คุณแม่จะพูดตลอดเวลาว่า “คุณแม่เลี้ยงแบบโยนหินถามทาง” จะไม่มีการจำกัดว่าลูกโตมาต้องเป็นอะไร หรือจะต้องโตมาทำอาชีพอะไร หรือเป็นคนยังไง ขอแค่ว่า เราเป็นคนดีแล้วเราปลอดภัย เราไม่เจออันตรายใด ๆ ในชีวิต ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่เราอยากจะทำ ที่บ้านเปิดโอกาสให้โอปอลทำหมดเลย อันนี้เป็นสิ่งที่โอปอลมองว่า ถ้าไม่ได้ลำบาก คุณพ่อคุณแม่สำคัญมากที่จะให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสลองทำทุกอย่างที่เขาอยากทำ เพราะว่าในการที่เขาจะทำอะไรในชีวิต เขาจะต้องรู้สึกมีความสุข และรู้สึกรักตัวเองตอนที่เขาทำสิ่ง ๆ นั้น ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ยาวนาน และสุดท้ายเขาจะไม่ได้มีความรู้สึกว่า เขาอยากจะสร้างคุณค่าอะไร

 

เพราะฉะนั้น การรักในสิ่งที่ตัวเองทำคือสิ่งสำคัญ และคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยกดดันว่า โอปอลจะต้องทำอะไร เขาขอแค่ให้เรารักในสิ่งที่ทำ มีความสุข ไม่เหนื่อย ได้นอน ได้ทานอาหารทุกอย่างครบถ้วน ที่เหลือคือปล่อยให้ได้เติบโต ปล่อยให้เได้ลองทำ เพราะว่าเด็กเป็นผ้าขาว ให้เขาได้ลองทำอะไรด้วยตัวของเขาเอง แล้วเขาจะค้นพบสิ่งที่รัก

นอกจากนี้ เธอยังแชร์เทคนิคฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งในระดับเนทีฟสปีกเกอร์ว่า ทุกอย่างเริ่มจาก ‘คุณแม่’ ที่เห็นความสำคัญในภาษาอังกฤษมาก จึงเริ่มพูดภาษาอังกฤษกับเธอตั้งแต่อนุบาล “หักดิบเลย” ก่อนหน้านี้แม่ให้ดรียนรู้ภาษาไทย มารยาทไทยก่อน เพราะว่าเราเป็นคนไทย แต่พอหลังจากนั้น เขาไม่พูดภาษาไทยกับเราเลยถ้าไม่จำเป็น

“โดยช่วงแรกๆ คือภาษามือ เพราะว่ายากมาก แล้วเราไม่ได้มีคลังคำศัพท์ขนาดนั้น แต่ด้วยความโชคดีของเราก็มีโอกาสได้เรียนที่โรงเรียนด้วย และมีโอกาสได้เปิดศัพท์ในโทรศัพท์ ได้ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ ได้ดูหนังภาษาอังกฤษ เราก็เลยค่อยๆ ใช้ตรงนี้ฝึกมาเรื่อย ๆ รวมถึงเพลง เพราะโอปอลชอบเล่นดนตรี โอปอลจะเลือกเพลงสากล เราก็จะจำเนื้อเพลงและทำความเข้าใจกับมัน”

เมื่อถามว่า โอปอลเป็นคนเจนไหน และเป็นคนลักษณะอย่างไร เธอก็ตอบว่า สำหรับสาววัย 22 ปีอย่างเธอนั้นเป็นคน “เจน Z” แต่ค่อนไปทางเจน Y เพราะว่าเราเป็นคนชอบคุยกับผู้ใหญ่ ชอบคุยกับคุณพ่อคุณแม่และเพื่อนๆ ของเขา เราเลยรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้จากเขา รวมไปถึงความคิด อุปนิสัยอะไรต่าง ๆ

ทั้งนี้ เธอยังเผยถึงความฝัน นอกจากการได้เป็นนางงามของโลก และนักการทูต ว่า “จริง ๆ แล้วเรามีหลายความฝันมาก ตอนเด็ก ๆ อยากเป็นกัปตัน เพราะรู้สึกว่าเท่ และทุกครั้งที่เราขึ้นเครื่องบิน เราก็อยากลองขับ อยากรู้ว่าเป็นนยังไง และก็รู้สึกว่า มันก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีความรู้ที่น่าสนใจค่อนข้างเยอะ แต่ช่วงนี้แอบอยากเป็นนักโบราณคดี เพราะเป็นคนชอบข้อมูลที่น่าสนใจของประวัติศาสตร์ และศึกษาเรื่องมนุษย์”

พร้อมกับส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คนในฐานะมิสเวิลด์ว่า เราผ่านอะไรมาเยอะ มันไม่ได้ง่ายเพราะว่าเราต้องยึดมั่นกับตัวเองไม่ว่าจะหน้าที่ไหนก็แล้วแต่ เพราะเราเจอใครหลาย ๆ คน เจอหลายคำพูดในชีวิต เราต้องแน่วแน่กับสิ่งที่เราเชื่อ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้

ขณะเดียวกัน การที่เราได้อะไรมายาก สิ่งนั้นมันจะมีค่ากับเรามาก ไม่ว่าจะสายอาชีพไหนก็ตาม ไม่มีอะไรที่เราได้มาง่าย เพราะมันมีสิ่งที่เราต้องสู้ ต้องแลก อยากให้หลายคนรู้ว่ามันอาจจะมีบางอย่างที่ยากในช่วงแรก แต่เมื่อเราสำเร็จ มันจะคุ้มค่า โอปอลก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน จนวันหนึ่งมาเป็นมิสเวิลด์ อยากให้ทุกคนรู้ว่า ทุกอย่างมันเป็นไปได้ การที่เราเป็นคนธรรมดา แต่เพราะความธรรมดานี้มันยิ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราในการทำสิ่งที่ไม่ธรรมดา