จะทำยังไงเมื่อ… ‘รักแท้’ ครอบครัวไม่ปลื้ม

เป็นข่าวช็อกสนั่นวงการไม่เฉพาะบันเทิงและกีฬา เมื่อ “เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร” ออกมาประกาศเลิกกับแฟนหนุ่ม “เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” ด้วยสาเหตุครอบครัวฝ่ายชายไม่ยอมรับ ปิดฉาก “ความรักต่างวัย” ที่ทำเอาช็อกกันทั้งประเทศ

และเพียงไม่นานหลังจากนั้น ก็มีข่าวช็อกสะเทือนวงการอีกครั้งกับการออกมาประกาศเลิกกันระหว่าง “ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์” และ “กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล” จากเหตุที่หนุ่มกอล์ฟขัดใจกับคุณแม่สาวขวัญ จนเกิดดราม่าครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ปลื้มฝ่ายชาย และสุดท้ายทั้งคู่ต้องสวมคอนเวิร์สแยกทางกันเดิน

เป็น 2 กรณีที่เกิดขึ้นเวลาใกล้เคียงกัน แต่มีสาเหตุเดียวกันคือ “พ่อแม่ไม่ปลื้ม” และ “ครอบครัวไม่ชอบ” เป็นปัญหาชวนปวดหัวของหลายคู่รัก ที่วาเลนไทน์ปีนี้ ได้ พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือ หมอแอร์ จิตแพทย์ มาแนะนำวิธี “ฝ่าด่านอรหันต์” ชนะใจพ่อแม่

Advertisement

“รักสะบั้น” สะท้อน “วัฒนธรรม”

หมอแอร์ได้เผยถึงกรณีรักแท้พ่อแม่ไม่ปลื้มว่า ส่วนหนึ่งของปัญหามาจากขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม

“ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมบ้านเรา จะเป็นลักษณะเมื่อเราแต่งงานกับใครสักคน เราต้องแต่งงานกับครอบครัวเขาด้วย”

ซึ่งแตกต่างจากสังคมตะวันตกที่จะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว พอลูกมีครอบครัวก็จะแยกออกไป ไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายอีก

Advertisement

“สังคมตะวันตกจะมีขอบเขตของแต่ละบุคคลชัดเจนกว่าบ้านเรา แต่บ้านเรา เรื่องของลูกก็เป็นเรื่องของพ่อแม่ ขอบเขตระหว่างพ่อแม่ลูก สังคมไทยจะไม่ชัดเจน จะไม่หนามาก บ้านเราจะปนๆ กัน บางบ้านแม้ลูกจะโตแล้ว แต่ลูกก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอยู่ พ่อแม่ก็จะเข้ามาวุ่นวายกับชีวิต พ่อแม่เข้าไปครอบงำชีวิตลูกมากเกินไป ลูกบางคนอายุ 40-50 แล้ว ยังตัดสินใจอะไรในชีวิตตัวเองไม่ได้ ก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยพ่อแม่ ซึ่งอันนี้ไม่ส่งผลดีกับลูกเลย”

มองใน “ด้านดี” ก็เปรียบเหมือนสายใยรักของครอบครัวที่ผูกพันแน่นแฟ้น

หากหมอแอร์ย้ำว่า “ก็ต้องมีความพอดี”

สารพัดสาเหตุ “พ่อแม่ไม่ปลื้ม”

หมอแอร์เผยว่า ปัญหาที่พ่อแม่ไม่ปลื้มเกิดจากหลายสาเหตุ

เริ่มจาก “พ่อแม่” หมอแอร์ว่า พ่อแม่บางคนรักลูกห่วงลูกอยากกอดเก็บลูกไว้คนเดียว การที่ลูกมีแฟน รู้สึกเหมือนถูกแย่งความรักไป เหมือนมีคนมาแบ่งความรักของตัวเองไป รู้สึกว่าตัวเองจะไม่สำคัญเหมือนเดิม หรือด้วยความรักลูก ก็มองว่าไม่มีใครดีพอสำหรับลูกตัวเอง ใครมาก็ไม่ผ่าน ไม่ดี ไม่เหมาะสม

“อันนี้เกิดจากพ่อแม่ที่ห่วงลูกรักลูกมากเกินไป อยากเก็บลูกเอาไว้”

หรือพ่อแม่เป็นห่วงลูกมาก กลัวลูกไปเจอคนไม่ดี กลัวลูกโดนหลอก เป็นความรักที่ต้องการที่จะปกป้องลูก ก็จะเลือกเฟ้นว่าใครจะมาเป็นแฟนลูกตัวเอง

“การเป็นพ่อแม่ต้องบาลานซ์ระหว่างความรัก ความห่วงใยกับความไว้วางใจ ถ้าเมื่อไหร่เราไว้วางใจลูก ความรักก็เหมือนเดิม แต่ความห่วงใยจะไม่มากจนเกินไป ถ้าเรามีความไว้วางใจลูก เราต้องมั่นใจว่าเราเลี้ยงลูกเรามาดี ลูกสามารถที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตลูกได้”

ส่วนสาเหตุจาก “ตัวลูก” นั้น หมอแอร์ยกตัวอย่างว่า ลูกยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ ยังไม่แสดงให้พ่อแม่เห็นว่ามีความพร้อมที่จะมีแฟนมีครอบครัว พ่อแม่ก็คงไม่สบายใจที่จะให้ลูกมีแฟนหรือมีครอบครัว หรือบางทีเป็นลักษณะท่าทีของลูกที่เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนเคยติดครอบครัวมาก พอมีแฟนก็ติดแฟน พ่อแม่ก็รู้สึกเหมือนเสียลูกไป รู้สึกถูกแย่งความรักไป ตัวเองไม่สำคัญเหมือนเดิม

“ตรงนี้แก้ได้ด้วยการที่ลูกต้องรู้จักแบ่งเวลา บริหารจัดการทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งครอบครัว อีกด้านคือแฟน ก็ต้องบาลานซ์ให้ดีๆ เพื่อจะได้จูนเข้าหากันได้”

อีกหนึ่งสาเหตุมาจาก “แฟน” จิตแพทย์หญิงเผยว่า แฟนอาจจะไม่ใช่สเปกหรือลักษณะไม่ตรงกับที่ครอบครัวต้องการ เช่น โปรไฟล์ น้ำหนัก ส่วนสูง เพศ อายุ การศึกษา อันนี้เป็นเรื่องข้างนอก ส่วนเรื่องข้างใน เช่น นิสัยใจคอ อาจมีลักษณะที่ทำให้ครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ชอบ เช่น เอาแต่ใจ ขี้เหวี่ยง ขี้วีน เป็นเรื่องพฤติกรรมการวางตัว รวมถึงการรับผิดชอบตัวเอง หน้าที่การงานดีไหม เลี้ยงดูตัวเองได้ไหม

ปิดท้ายด้วยสาเหตุทางสังคม วัฒนธรรม และความเชื่อ

หมอแอร์ระบุว่า ถ้าชายหญิงอายุห่างกันมาก จะรู้สึกว่าสังคมจะไม่ยอมรับ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงอายุมากกว่าฝ่ายชายมากๆ หรือ ฝ่ายชายอายุมากกว่าฝ่ายหญิงมากๆ ก็เป็นเรื่องสังคม หรือความเชื่อบางอย่าง เช่น เกิดปีไก่เหมือนกันอยู่กันไม่ได้ เดี๋ยวจะตีกัน หรือปีชง เกิดปีมะโรงกับปีจออยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของความเชื่อ ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

“จริงๆ ทุกอย่างมีทางแก้เสมอ แต่ต้องใจเย็นๆ อย่าใจร้อน” หมอแอร์ระบุ

กลเม็ดฝ่าด่านอรหันต์ 

แม้ความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อรักนี้ต้อง “แคร์” พ่อแม่และครอบครัวด้วย ลูกๆ ก็ต้องรู้จักการวางตัวที่ดี

“เมื่ออินเลิฟกันแล้ว ก็อย่าลืมว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่สองเรา เรายังมีครอบครัวเรา ครอบครัวเค้าด้วย ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ครอบครัวยอมรับ เราต้องทำให้ครอบครัวเห็นว่าแม้จะมีความรัก เราก็ยังทำหน้าที่ของเราได้ดี ไม่ว่าหน้าที่การงาน การเรียนหนังสือ หรือหน้าที่ความเป็นลูก เป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งอันนี้ เราต้องทำหน้าที่ให้ดี เพราะถ้าเกิดเรามีแฟน แล้วเราเปลี่ยนไป เราหนีไปจากครอบครัว เราหายหน้าหายตาไป มันก็เกิดความหมั่นไส้ เกิดความแอนตี้ แฟนเราขึ้นมา”

“เพราะฉะนั้น รักกันปานจะกลืนกินอย่างไร เราต้องรู้จักบริหารจัดการ และแบ่งเวลาให้เป็นด้วย” หมอแอร์ระบุ ก่อนเผย “กลเม็ดมัดใจ” พ่อแม่ให้อยู่หมัดว่า

“เราต้องรู้ว่าพ่อแม่ชอบอะไรไม่ชอบอะไร จริงอยู่ เราไม่ได้เปลี่ยนอีกฝ่ายหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง แต่เราเรียกว่าปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวของเรามากกว่า เช่น พ่อแม่ชอบผู้หญิงเรียบร้อย แฟนเราอาจจะเปรี้ยวมาก แต่พอไปเจอพ่อแม่ก็หาเสื้อมาคลุมหน่อย ไม่ต้องเป็นตัวของตัวเองมาก คือ เวลาไปพบปะผู้ใหญ่ก็ต้องรู้จักกาลเทศะ แต่ก็ไม่ต้องถึงสร้างภาพเว่อร์วัง เปลี่ยนไปเป็นอีกคน ให้รู้จักพอดี ปรับตัว แต่ยังคงความเป็นเราอยู่”

“เหนือสิ่งอื่นใด ต้องทำให้พ่อแม่เห็นว่าความรักของเรา ทำให้ชีวิตเราทั้ง 2 คนดีขึ้น ทำให้เรามีความสุขขึ้น ทำให้เรามีความเจริญก้าวหน้า ซึ่งตรงนี้ บางทีต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์ ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ดูกันไป แล้วต้องยอมรับว่าระหว่างการคบกัน เรากับแฟนอาจจะไม่ราบรื่น อาจจะมีทะเลาะกันบ้าง อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตอนทะเลาะกัน เราต้องไม่เล่าให้บ้านเราฟัง เพราะบางคนเวลาทะเลาะกัน ชอบไปเล่าบอกเพื่อนบอกญาติ ทำให้ญาติพี่น้องไม่ชอบแฟนเรา เสร็จปุ๊บ เราก็มาดีกัน ซึ่งตอนที่เรามาดีกัน รักกันเหมือนเดิม แต่ที่บ้านเราได้เสียความรู้สึกไปแล้ว”

“ฉะนั้น ถ้าทะเลาะกัน ต้องทะเลาะกันแค่ 2 คน ให้เคลียร์กันเอง ไม่ต้องบอกพ่อแม่มากจนเกินไป แต่เราต้องรู้ว่าอะไรควรบอก อะไรไม่ควรบอก หรือแม้แต่แฟนเรากับพ่อแม่เรา บางทีก็อาจผิดใจกันบ้าง เรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่ เราก็ต้องมีหน้าที่เป็นกาวใจเชื่อมปรับความเข้าใจกัน และให้อภัยซึ่งกันและกัน”

ผ่าน 3 ข้อ “รักนี้ใช่เลย” 

หมอแอร์บอกว่า ตอนเราคบใครสักคน เรารู้สึกว่าชอบว่ารัก แต่ถ้าจะแต่งงานกับใครสักคน มันต้องใช่ แต่คำว่าใช่คืออะไร และอะไรถึงใช่ มีทั้งหมด 3 ข้อ

ใช่ ข้อที่ 1 อยู่กันแล้ว เรามีความสุข เขามีความสุข

ใช่ ข้อที่ 2 อยู่กันแล้ว ชีวิตเราทั้งสองคนดีขึ้น เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกทางธรรม เช่น เรียนหนังสือก็ช่วยกันเรียน ทำงานก็ช่วยกันเก็บเงิน ทางธรรม ชวนกันทำดี เป็นคนดี จะไม่เข้าวัดก็ได้ แต่ไม่ชวนทำชั่ว เสพยาเสพติด

ใช่ ข้อที่ 3 อยู่ด้วยกันแล้ว เรารู้สึกมีคุณค่า แต่ละฝ่ายไม่สูญเสียความเป็นตัวเองมากจนเกินไป

“ถ้า 3 ข้อนี้ใช่แล้ว ตัดสินใจเลย เดี๋ยวพ่อแม่ครอบครัวก็จะเห็นเอง และมันก็จะใช่สำหรับพ่อแม่เช่นเดียวกัน แต่สำหรับเรา 2 คน คำว่าใช่ อาจใช้เวลาไม่นาน แต่สำหรับพ่อแม่ครอบครัว อย่าลืมว่าท่านก็รักเรามาก การทำให้ท่านเห็นทั้ง 3 อย่าง ต้องใช้เวลาพิสูจน์ ก็ขอเป็นกำลังใจให้คู่รักใจเย็นๆ อย่าใจร้อน อย่าผลีผลาม ใช้เวลาพิสูจน์ ถ้ารักกันจริง ก็ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค แล้วสักวันหนึ่งพ่อแม่ก็จะเห็นเอง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image