เมื่ออนาคตคือวันนี้และโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เทคโนโลยีอย่าง Augmented Reality หรือ AR ที่นำภาพเสมือนรูปแบบ 3 มิติ เข้ามาทับซ้อนกับสภาพแวดล้อม สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ในการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัวเราให้กลายเป็นเรื่องที่คุ้นตาและไม่ได้เหนือจินตนาการอีกต่อไป จากเมื่อสองปีก่อนที่เกม Pokemon Go ได้นำ AR เข้ามาสู่ตลาดผู้บริโภค ทำให้คนทั่วไปเข้าใจและยอมรับ AR เข้ามาสู่ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว
รายงานล่าสุดของ จูนิเปอร์ รีเสิร์ช (Juniper Research) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตลาดโมบาย ออนไลน์ และดิจิทัล ระบุว่า ตลาดอุปกรณ์ AR และอุปกรณ์ดิจิทัลแบบสวมใส่ได้จะเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึงราว 1.65-2 แสนล้านบาท ภายใน 5-6 ปีข้างหน้า ซึ่งเทรนด์นี้มีความเป็นไปได้อย่างมาก เพราะปัจจุบันแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น กับนวัตกรรมที่สามารถรองรับ AR และอยู่ในรูปแบบของอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ เช่น ในด้านการแพทย์ มหาวิทยาลัย และโรงเรียนแพทย์หลายแห่งมีการนำ AR เข้าสู่ห้องเรียนกายวิภาค เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นรายละเอียดโครงสร้าง ร่างกายทีละชั้นและอวัยวะต่างๆ อย่างชัดเจน รวมทั้ง บีแชม รีเสิร์ช (Beecham Research) บริษัทวิจัยและวิเคราะห์ตลาด เทคโนโลยี เผยว่า AR จะเติบโตขึ้นอีกมาก เมื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิต โลจิสติกส์ สาธารณสุข และค้าปลีก
เมื่อ AR มีขยายตัวไปสู่อุตสาหกรรมและวงการธุรกิจต่างๆ มากขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้คู่กับ AR ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และพัฒนาขึ้นตามไปด้วย อาทิ แว่นตาอัจฉริยะ ที่ปัจจุบันสามารถแสดงข้อมูลดิจิทัลซ้อนลงบนสภาพแวดล้อมจริง สามารถสร้างประสบการณ์การมองเห็นแบบใหม่ที่ผสมผสานระหว่างภาพจริงและภาพเสมือน โดยที่ขณะใช้งาน ผู้ใช้สามารถดูหรืออ่านคอนเทนต์ดิจิทัลโดยที่มือทั้งสองยังปฏิบัติงานต่อไปได้ ซึ่งทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
สำหรับค่ายเจ้าของเทคโนโลยีชั้นนำอย่างเอปสัน ได้ผลิตแว่นตาอัจฉริยะออกมาสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมีการนำไปใช้ในหลากหลายธุรกิจ เช่น ภาคการท่องเที่ยวในเมืองเบรชชา ประเทศอิตาลี ที่นักเรียนและนักท่องเที่ยว สามารถใช้แว่นตา Moverio ดูข้อมูลแบบอินเตอร์แอ๊กทีฟและได้เห็นสถาปัตยกรรมโบราณในรูปแบบสามมิติที่จำลองขึ้นใหม่เหมือนจริงราวกับได้เห็นของจริงที่เคยมีอยู่เมื่อกว่าสองพันปีก่อน หรือในภาคการศึกษาที่ Moverio กลายเป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนในห้องเรียนยุคศตวรรษที่ 21 ไปแล้ว เช่น ใช้ในการสอนโครงสร้างโมเลกุลของธาตุต่างๆ ในรูปแบบสามมิติ รวมถึงในวงการอุตสาหกรรม Mekorot บริษัทผู้ผลิตน้ำประจำชาติอิสราเอล ได้นำแว่นตาอัจฉริยะ Moverio ไปทดลองใช้สนับสนุนงานของวิศวกรฝ่ายบำรุงรักษาที่ต้องรับผิดชอบดูแลงานอันตราย อย่างการดูแลระบบไฟฟ้าแรงสูง โดยระบบ AR จะช่วยฉายภาพพิมพ์เขียวอุปกรณ์และขั้นตอน การบำรุงรักษาให้วิศวกรได้เห็นขณะปฏิบัติงาน ทั้งสองมือของวิศวกรจึงทำงานได้อย่างสะดวกและแม่นยำตลอดทุกขั้นตอน
ในวงการสาธารณสุข AR และ Moverio กลายเป็นคู่เทคโนโลยีที่กำลังยกระดับความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นวงการที่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดและอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี AR อย่าง CN2 ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น “Visualizing the Future” ที่ใช้งานร่วมกับ Moverio เพื่อแสดงภาพจำลองช่วยให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เกิดความคุ้นเคยกับการใช้ระบบเจาะของเหลวออกจากทรวงอกได้ในครั้งเดียว นอกจากนี้แว่นตาอัจฉริยะก็ยังสามารถใช้คู่กับโดรน ให้นักบินมองเห็นภาพแบบ First Person View ซึ่งจะเห็นทุกอย่างตามกล้องของโดรนโดยไม่มีอะไรมาบัง ไม่ต้อง ก้มๆ เงยๆ ดูจอภาพแท็บเล็ตอีกต่อไป รวมถึงสามารถอ่านค่าต่างๆ จากระบบจีพีเอส เข็มทิศ หรือกล้องจับความเคลื่อนไหวที่ติดกับแว่นในรูปแบบ AR ได้ทันที
รายงานของบีแชม รีเสิร์ช ยังเปิดเผยอีกว่า แว่นตาอัจฉริยะจะยังคงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ โดยมีขนาดที่เล็กลงสามารถมองภาพได้สะดวกขึ้น และมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำงานร่วมกับ AR และ IoT ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล และในอนาคตแว่นตาอัจฉริยะจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน
แว่นตาอัจฉริยะที่มาพร้อม AR จะสร้างความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดให้แก่อุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ รวมถึงวงการเกม ซึ่งเป็นโลกที่เราคุ้นเคยกันมานานก็กำลังจะเปลี่ยนไป พร้อมกับมุมมองใหม่ผ่าน AR และแว่นตาอัจฉริยะอีกด้วย
