ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยสำนักข่าวต่างประเทศมากมายได้ตีพิมพ์บทความการจัดอันดับประเทศที่มีประสิทธิภาพในด้าน Healthcare ซึ่งไทยอยู่ในลำดับที่ 14 ของโลกและถือเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นายเดวิด โธมัส บูเช ผู้อำนวยการด้านบิซิเนสทรานส์ฟอร์เมชั่น (Chief Business Transformation Officer) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวในงานสัมมนา “MFA CEO Forum with Bumrungrad” หัวข้อ “Thailand?s Smart Hospital: The Next Step of Sustainable Healthcare” เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ด้าน Smart Hospital และเพื่อยกระดับบทบาทของเอกชนไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก
บำรุงราษฎร์ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากผู้ป่วย ที่เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์ประกอบ 4 ประการ ประกอบด้วย 1.คุณภาพและความปลอดภัย บำรุงราษฎร์เป็น รพ.แห่งแรกในเอเชียที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) ซึ่งเป็นมาตรฐานคุณภาพ รพ.ระดับสากลจากสหรัฐ 2.การผนึกกำลังของสหสาขาวิชาชีพเพื่อผลลัพธ์เชิงบวก รพ.มีแนวคิดที่ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและความชำนาญการของบุคลากรในด้านต่างๆ โดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางเพื่อส่งมอบการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 3.นวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้วยเจตคติและจุดมุ่งหมายของ รพ.ที่จะเป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงทำให้สามารถจับแนวโน้มใหม่ๆ ในการดูแลรักษาสุขภาพได้ อีกทั้ง รพ.ได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสู่การเป็น รพ.ดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ และ 4.การบริบาลด้วยความเอื้ออาทร เป็นค่านิยมหลักประการหนึ่งของ รพ.บำรุงราษฎร์ ที่ใช้เป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อดูแลผู้ป่วยมาโดยตลอด ทำให้บำรุงราษฎร์กลายเป็น รพ.ชั้นนำในไทยที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
นายเดวิด โธมัส บูเช ยังกล่าวถึงเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพว่า ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) Integrative Healthcare Approach โดย รพ.จะเริ่มใช้แนวทางการดูแลรักษาสุขภาพแบบใหม่เชิงป้องกันด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ รพ. เพื่อให้การบริบาลแบบประสมประสาน ไม่เพียงแค่รักษาโรค แต่ยังสามารถช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงในเชิงป้องกันการเกิดโรค ทั้งหมดนี้เพื่อส่งมอบการดูแลรักษาสุขภาพที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น 2) การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในทางการแพทย์ รวมถึงนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยบำรุงราษฎร์ได้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศการใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด นำเอาระบบดาวินชีเข้ามาใช้ในการทำศัลยกรรมผ่านกล้องแผลเล็ก และยังได้ใช้ระบบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดที่สถาบันกระดูกสันหลังของบำรุงราษฎร์เพื่อให้ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังสามารถมองเห็นภาพ และควบคุมการผ่าตัดได้ด้วยความแม่นยำยิ่งขึ้น และ 3) การดูแลรักษาตามขั้นตอนกระบวนการแบบไร้รอยต่อ เป็นการทำงานที่สอดประสานกันของทุกฝ่าย
กว่า 38 ปีของการดำเนินธุรกิจ นอกจากบำรุงราษฎร์จะให้ความสำคัญในมาตรฐานสูงสุดด้านบุคลากรทางการแพทย์และการให้บริการที่ครอบคลุมแล้ว รพ.ยังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง บำรุงราษฎร์นับเป็น รพ.แรกๆ ที่นำเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Swisslog Pharmacy Robot” ซึ่งหุ่นยนต์ช่วยในการจัดยาสำหรับผู้ป่วยที่นอนพักรักษาใน รพ. ครอบคลุมตั้งแต่การจ่ายยา การจัดเก็บยา การบรรจุหีบห่อเพื่อใช้ในการบริหารจัดการยาให้กับผู้ป่วย นอกจากเทคโนโลยีดังกล่าว บำรุงราษฎร์ยังมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทั้งการนำระบบคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “ไอบีเอ็มวัตสัน” มาช่วยในการประมวลผลเพื่อให้แพทย์ตัดสินใจวางแผนการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง และยังได้พัฒนาความก้าวหน้าของศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับรักษาโรคมะเร็งแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งช่วยทำให้แพทย์สามารถตัดสินใจกำหนดแผนและวิธีการรักษาที่เหมาะสมยิ่งขึ้นโดยพิจารณาความจำเป็นและสภาพของผู้ป่วยแต่ละรายเป็นหลัก การใช้แขนกลหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด การลงทุนในศูนย์ฝึกทักษะการดูแลผู้ป่วยด้วยสถานการณ์เสมือนจริง Cardio Insight เทคโนโลยีใหม่ในการวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และการนำ GE 3 Tesla MRI เครื่องสร้างภาพที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรครุ่นล่าสุดที่ให้ภาพที่ละเอียดขึ้นและทำงานได้เงียบขึ้นด้วย
ล่าสุดบำรุงราษฎร์ได้เปิดตัวแขนกลหุ่นยนต์กำหนดพิกัดช่วยศัลยแพทย์ผ่าตัด ช่วยเพิ่มความแม่นยำ ความรวดเร็ว และมีความปลอดภัยสูง โดยศัลยแพทย์จะเป็นผู้วางแผนในการรักษา ตั้งแต่การระบุตำแหน่ง ทิศทางการใส่สกรู ซึ่งแขนกลหุ่นยนต์นี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระทุกทิศทาง ทำให้ลดระยะเวลาในการผ่าตัดน้อยลง อีกทั้งยังสามารถมองเห็นภาพจากจอมอนิเตอร์แบบ 3 มิติ ขณะที่ผ่าตัดได้อย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันสถิติของผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดมีมากกว่า 1,300 ครั้ง/ปี ในขณะที่มีศัลยแพทย์จากทั่วทุกมุมโลกมาอบรมที่บำรุงราษฎร์กว่า 2,000 คน ในช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ยังได้วางเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจ รพ.ให้ทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก นำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้ป่วย โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์และออกแบบการบริการให้มีความเชื่อมโยง (Connectivity) เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อมุ่งให้การบริการที่เป็นเลิศ
อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา ไม่อาจบรรลุเป้าหมายทั้งหมดขององค์กรได้ บำรุงราษฎร์ตระหนักดีว่าการสื่อสารรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษา การมีปฏิสัมพันธ์ การให้กำลังใจผู้ป่วยและการบริบาลอย่างเอื้ออาทร ยังคงเป็นบทบาทสำคัญของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรของ รพ.ทุกคน ในการสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้แก่ผู้ป่วยและผู้มาเยือนที่บำรุงราษฎร์ เพื่อขับเคลื่อนให้องค์กรพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
