Facebook ประเทศไทย และ Instagram เปิดตัวแคมเปญ #RealTalkThailand
แคมเปญซึ่งมีระยะเวลาสองสัปดาห์จะมุ่งขับเคลื่อนบทสนทนาเกี่ยวกับการมีสุขภาพจิตที่ดีในประเทศไทย พร้อมมอบเคล็ดลับและเครื่องมือในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
Facebook ประเทศไทย และ Instagram ได้ประกาศเปิดตัวแคมเปญ #RealTalkThailand ซึ่งมีระยะเวลาสองสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 8-20 ตุลาคม เพื่อมุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพจิตที่ดีในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเนื่องในโอกาสวันสุขภาพจิตโลก หรือ World Mental Health Day ที่กำลังจะมาถึง #RealTalkThailand ได้ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงผลกำไรในประเทศไทย ผู้สนับสนุนการมีสุขภาพจิตที่ดี และเหล่าครีเอเตอร์ เพื่อสร้างบทสนทนาในวงกว้างระดับประเทศเกี่ยวกับการมีสุขภาพจิตที่ดี พร้อมลดมุมมองเชิงลบและผลักดันให้การพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพจิตเป็นเรื่องปกติและพูดคุยในวงกว้าง
งานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญที่จัดขึ้นในวันนี้ นอกจากจะเน้นถึงประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล โรคซึมเศร้า และการช่วยเหลือผู้คนในการเชื่อมต่อกับหน่วยงานด้านสุขภาพจิตต่างๆ แล้ว ยังได้แสดงให้เห็นถึงเครื่องมือด้านความปลอดภัยและสุขภาวะจาก Instagram เพื่อช่วยให้ผู้คนมีประสบการณ์เชิงบวกบนแพลตฟอร์มมากขึ้น รวมถึงยังมีการแชร์ข้อมูลเชิงลึกจากพันธมิตรที่สำคัญของแคมเปญ ประกอบด้วย คุณอแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประจำปี พ.ศ.2563 อูก้า (Ooca) โนอิ้งมายด์ (Knowing Mind) และสมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย (The Samaritans of Thailand)
แคมเปญดังกล่าวถูกเปิดตัวขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยยังคงเดินหน้าจัดการกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบที่ตามมาต่อภาคสังคม ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า มีคนไทยจำนวนกว่า 3.3 ล้านคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีปัญหาด้านสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็นอาการวิตกกังวล โรคซึมเศร้า และความคิดอยากฆ่าตัวตาย และสถานการณ์การแพร่ระบาดก็ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเด็กและเยาวชนในประเทศมากกว่ากลุ่มอื่น โดยผลการศึกษาขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ (UNICEF) ประจำปี พ.ศ.2563 พบว่า 7 ใน 10 ของเด็กและเยาวชนชาวไทยได้รับผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิต ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความเครียด ความทุกข์ และความวิตกกังวล จากความไม่แน่นอนทางด้านการเงินและโอกาสในการถูกจ้างงานในอนาคต
แคมเปญดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพจิตในมุมมองที่กว้างขึ้นบนโลกออนไลน์ โดยมีผู้คนจำนวนกว่า 200,000 คน เป็นสมาชิกในกลุ่มบน Facebook ราว 2,000 กลุ่มที่มีวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต นอกจากนี้ คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพจิตยังผลักดันให้เกิดพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์บน Instagram เป็นจำนวนกว่า 2.2 ล้านครั้ง ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรและชุมชนเกี่ยวสุขภาพจิตในประเทศไทย Instagram จึงได้เปิดตัวแคมเปญ #RealTalkThailand โดยเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ที่มีชื่อเสียงได้เชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างการตระหนักรู้ในวงกว้างยิ่งขึ้นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแก่ผู้ติดตามของทุกฝ่าย นอกจากนี้ Instagram ยังได้ร่วมมือกับนักวาดภาพประกอบ รีนพี (Reenp) และกวี วิน นิมมานวรวุฒิ (Win Nimman) ในการสร้างสรรค์ผลงานแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแคมเปญ #RealTalkThailand โดยเฉพาะ เพื่อให้บทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิตสามารถเข้าถึงเด็กและเยาวชนไทยได้มากขึ้น
คุณฟิลิป ชัว หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ Instagram กล่าวว่า “เราได้เห็นผู้คนเข้ามาใช้งาน Instagram เพื่อแสดงออกถึงตัวตนของพวกเขาและเชื่อมต่อกับชุมชนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งรวมถึงชุมชนที่ส่งเสริมด้านสุขภาวะด้วย #RealTalkThailand ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเชื่อมต่อผู้เชี่ยวชาญ ครีเอเตอร์ และชุมชนเข้าหากันเพื่อการสนทนาที่เปิดเผย และสนับสนุนบทสนทนาที่มีอยู่ในปัจจุบันบน Instagram และสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยให้แก่ผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้”
จากหัวข้อต่างๆ เช่นวิธีการจัดการกับความเครียดในสถานการณ์โควิด-19 เคล็ดลับที่แนะนำว่าควรติดต่อเพื่อรับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อใด วิธีการรับฟังด้วยความเข้าใจ และวิธีรักตัวเองให้เป็น ทำให้ #RealTalkThailand เป็นแคมเปญล่าสุดจาก Facebook ประเทศไทย ในการสนับสนุนคนไทย เพิ่มเติมจากแคมเปญอื่นๆ เช่น แคมเปญ Love & Lock: Facebook Privacy Café ที่มุ่งให้ความรู้แก่คนไทยเกี่ยวกับวิธีการควบคุมประสบการณ์บนโลกออนไลน์ และแคมเปญ Unknown Together ซึ่งเป็นแคมเปญภายใต้ความร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น (United Nations หรือ UN) และโนอิ้งมายด์ เพื่อสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพจิต
คุณฟิลิป ชัว หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ Instagram
การเน้นถึงความสำคัญของ Instagram Guides และเครื่องมือด้านความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการมีสุขภาพจิตที่ดี
เนื่องในโอกาสการเปิดตัวแคมเปญ #RealTalkThailand ในครั้งนี้ Instagram ยังได้เน้นถึงความสำคัญของชุดเครื่องมือเพื่อสนับสนุนสุขภาวะ เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถควบคุมประสบการณ์ของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ได้แก่ Instagram Guides ฟีเจอร์เพื่อช่วยให้การค้นพบคำแนะนำ เคล็ดลับ และเนื้อหาอื่นๆ จากครีเอเตอร์ บุคคลสาธารณะ องค์กร และผู้ผลิตเนื้อหา (publishers) บน Instagram เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น
สำหรับในประเทศไทย แคมเปญนี้ยังมาพร้อมการสร้าง Instagram Guides เพื่อให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับความสำคัญในการจัดการกับความวิตกกังวลและความเครียด รวมถึงการเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหา การเข้าดูไกด์ต่างๆ คุณสามารถไปที่หน้าโปรไฟล์ของ โนอิ้งมายด์ อูก้า และสมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย จากนั้นกดไปที่ปุ่มไอคอนไกด์เพื่อรับชมไกด์ของพวกเขา โดยในขณะเยี่ยมชมไกด์ คุณจะเห็นโพสต์และวิดีโอต่างๆ ที่ครีเอเตอร์ได้เลือกสรรมาจัดแสดง ซึ่งจะถูกจับคู่กับเคล็ดลับและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ คุณยังสามารถแชร์ไกด์เหล่านี้ไปยัง Instagram Stories หรือส่งเป็นข้อความ (Direct) ด้วยการกดปุ่มแชร์ที่ด้านขวาบน
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือด้านความปลอดภัยอื่นๆ ที่พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้งาน ประกอบด้วย
- การซ่อนยอดไลค์ Instagram มอบทางเลือกให้ผู้คนสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ผู้อื่นเห็นยอดไลค์บนโพสต์ของพวกเขาหรือไม่ และยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นยอดไลค์บน Instagram หรือไม่
- การควบคุมด้านการส่งข้อความและการมีปฏิสัมพันธ์ การตั้งค่าที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเลือกได้ว่าต้องการอนุญาตให้ทุกคน ไม่อนุญาตใครเลย หรืออนุญาตเฉพาะผู้คนที่พวกเขาติดตาม ให้สามารถส่งข้อความ แท็ก หรือกล่าวถึงพวกเขาในช่องแสดงความคิดเห็น คำบรรยายใต้ภาพ Stories หรือการส่งข้อความตรง
- จำกัด Instagram ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้รังแก (bullies) สามารถมองเห็นหรือเข้ามามีส่วนร่วมกับเนื้อหาของผู้ใช้ได้ โดยที่ผู้รังแกจะไม่ได้รับการแจ้งเตือน
- ลิมิต Instagram ช่วยให้ผู้คนสามารถซ่อนความคิดเห็นและคำขอในการส่งข้อความตรงโดยอัตโนมัติ จากผู้คนที่ไม่ได้ติดตามหรือผู้คนที่เพิ่งเริ่มติดตามพวกเขาในช่วงที่ผ่านมา
- การควบคุมเนื้อหาที่มีความอ่อนไหว ผู้คนสามารถเลือกเนื้อหาที่พวกเขาเห็นในหน้า Instagram Explore ได้ตามความต้องการของตัวเอง จากการมอบทางเลือกในการเห็นเนื้อหาที่อาจถูกมองว่ามีความอ่อนไหว (sensitive) จำนวนมากขึ้นหรือน้อยลงก็ได้ Instagram ยังกรองเนื้อหาบางประเภทออกจากหน้า Explore ซึ่งเป็นเนื้อหาที่อาจถูกมองว่ามีความอ่อนไหว หรือสร้างความขุ่นเคือง (offensive) และผู้ใช้วัยรุ่นจะเลือกเห็นเนื้อหาประเภทนี้ในจำนวนน้อยลงได้อย่างเดียวเท่านั้น
- การเตือน (Nudges) นอกจากนี้ Instagram กำลังพัฒนาฟีเจอร์ที่สนับสนุนให้ผู้คนหยุดพักและไตร่ตรองว่าเนื้อหาประเภทไหนที่พวกเขาต้องการรับชม และหวังที่จะช่วยเชื่อมต่อผู้คนเข้ากับเนื้อหาที่สร้างแรงบันดาลใจและยกระดับจิตใจของพวกเขา
การแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นสุขภาพจิต
แคมเปญดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการเสวนากลุ่มระหว่างคุณฟิลิป ชัว คุณอแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สประเทศไทย ประจำปี พ.ศ.2563 ร้อยโทหญิง ทพญ. กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ ประธานกรรมการบริหารจาก อูก้า คุณตระการ เชนศรี นายกสมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย และคุณสมภพ แจ่มจันทร์ นักจิตวิทยาการปรึกษาและผู้อำนวยการโนอิ้งมายด์ ซึ่งต่างร่วมแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของตน รวมถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีในประเทศไทย
คุณอแมนด้า ชาลิสา ออบดัม กล่าวว่า “โดยส่วนตัวแล้ว ด้ามีความสนใจในเรื่องการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพจิตให้แก่ผู้คน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากประสบการณ์ตรงที่เคยผ่านมาด้วยตัวเอง และยังได้ทำแคมเปญเพื่อร่วมรณรงค์ให้คนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญของการรับฟัง และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิตมาโดยตลอด ด้าจึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนแคมเปญ #RealTalkThailand ร่วมกับ Facebook ประเทศไทย และ Instagram ในครั้งนี้ และจากที่ในปัจจุบัน ผู้คนในสังคมใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น ด้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญนี้จะสามารถเข้าถึงผู้คนในวงกว้าง และผลักดันให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของสุขภาพจิตมากยิ่งขึ้น”
ร้อยโทหญิง ทพญ. กัญจน์ภัสสร กล่าวว่า “ปัจจุบันเรื่องสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนไทย เพราะเรื่องนี้มีความใกล้ตัวกับเรามากกว่าที่คิด เราเชื่อว่าถ้าหากเรามีความเข้าใจและยอมรับเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสุขภาพจิตในสังคมมากขึ้น ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหามีความตรงจุดมากขึ้นไปด้วย เรารู้สึกดีใจที่แพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลกอย่าง Instagram ให้ความสำคัญและต้องการสนับสนุนขับเคลื่อนสังคมในประเด็นสุขภาพจิต และเราเชื่อว่าแคมเปญนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจในเรื่องสุขภาพจิตกันมากขึ้น”
ในขณะเดียวกัน คุณตระการก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ Facebook และพันธมิตรอื่นๆ ในแคมเปญ #RealTalkThailand โดยกล่าวว่า “เราหวังว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างการรับรู้ถึงเรื่องปัญหาสุขภาพจิตในสังคม รวมถึงให้ผู้คนได้ตระหนักว่าการแก้ปัญหานี้เป็นหน้าที่ของเราทุกคน รวมทั้งอยากให้ผู้ที่กำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้ได้ทราบว่าไม่เป็นไรเลยหากพวกเขาอาจจะรู้สึกไม่โอเคหรือมีปัญหา เราอยากมอบพื้นที่ที่ปลอดภัยให้พวกเขาได้พูดถึงปัญหาที่กำลังเผชิญโดยไม่มีใครมาตัดสินหรือเลือกปฏิบัติ และจากแคมเปญนี้ เราหวังว่าผู้คนจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้ที่กำลังเผชิญปัญหาด้วยการเปิดใจฟังด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสิน และยอมรับพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไข”
ในท้ายที่สุด คุณสมภพจากโนอิ้งมายด์ได้กล่าวสรุปว่า “ประเด็นสุขภาพจิตมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตส่วนตัว ด้านความสัมพันธ์ ด้านการทำงาน และด้านการเรียนรู้ หากเราไม่ตระหนักรู้และไม่ดูแลสุขภาพจิตอย่างเหมาะสม ก็จะเกิดผลกระทบตามมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิดตอนนี้ ซึ่งสร้างความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิตได้ง่ายขึ้น”
“โนอิ้งมายด์ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ #RealTalkThailand และเรารู้สึกดีใจที่ Facebook ประเทศไทย และ Instagram ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมหาศาล ให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะจะช่วยให้การเผยแพร่ความรู้และการสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพจิต เข้าถึงคนไทยได้มากขึ้น และทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการนี้ได้”