นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเผยช่วงโควิด คนไทยถูกหลอกขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น

นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเผยช่วงโควิด คนไทยถูกหลอกขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น ปี 63-ส.ค.64 ร้องเรียนผ่านมูลนิธิฯ 1,167 เรื่อง ไม่ตรงป้าย-ไม่ตรงปกเพียบ เร่งบูรณาการแก้ไขปัญหากับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ดัง พร้อมแนะวิธีป้องกัน

น.ส.มลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสังคม  เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคทำให้มีการซื้อขายสินค้าและบริการในโลกออนไลน์มากขึ้น โดยผลการสำรวจเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาของบริษัทเอเยนซี ที่ให้บริการด้านข้อมูลและเทคโนโลยีพบว่า คนไทยมีอัตตราการช็อปปิ้งออนไลน์สูงที่สุดในโลก เนื่องจากการกระตุ้นของเทคโนโลยี และความกลัวที่จะไปเดินจับจ่ายภายในร้านค้าอย่างไรก็ตาม การซื้อขายสินค้าหรือการใช้บริการออนไลน์นั้นผู้บริโภคไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสกับสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือรับบริการตามปกติได้ ก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น การไม่ได้รับสินค้า สินค้าหรือบริการที่ได้รับไม่เป็นไปตามคำโฆษณา หรือไม่ตรงปก และสินค้าได้รับความเสียหาย ที่สำคัญคือปัญหาเรื่องความปลอดภัย หรือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว

น.ส.มลฤดี กล่าวว่า โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ปัญหาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้จากข้อร้องเรียนผ่านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภคที่อยู่ในภูมิภาคต่างๆจากปี พ.ศ. 2563 ถึงเดือนสิงหาคม 2564 ทั้งหมดจำนวน 1,167 ครั้ง แบ่งเป็น ปี 2563 มีการร้องเรียนทั้งหมด 742 ครั้ง ในกลุ่มสินค้าประเภทปัญหาที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุด 3ลำดับได้แก่ ไม่ได้รับสินค้าและบริการจำนวน 179ครั้ง ราคาไม่ตรงป้าย 72 ครั้ง และราคาแพงเกินจริง 69 ครั้งกลุ่มบริการประเภทปัญหาที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุดสามลำดับ ได้แก่ขอคืนสินค้าไม่ได้ ขอยกเลิกบริการไม่ได้ 33 ครั้ง ชำรุดบกพร่องได้รับความเสียหาย17 ครั้ง และโฆษณาเป็นเท็จเกินความเป็นจริง 10 เรื่อง และ ในปี 2564 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง เดือนสิงหาคมได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคทั้งหมดจำนวน 425 ครั้ง

ทั้งนี้จำนวนสถิติที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น ยังมีผู้บริโภคอีกจำนวนมากที่ได้รับปัญหาจากการซื้อสินค้าและใช้บริการออนไลน์แล้วไม่ได้ทำการร้องเรียน ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตัวผู้บริโภค เช่น เด็กชายอายุ 14 ปีที่เก็บเงินสั่งซื้อโทรศัพท์ออนไลน์มาเพื่อใช้เรียนออนไลน์ แต่ถูกโกงไม่ได้รับสินค้า ทำให้เด็กชายเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและผู้ประกอบการต้องบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อคุ้มครองพี่น้องประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ทั้งการปราบปรามอย่างจริงจัง และการให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนเข้าสู่การซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์มากขึ้น

น.ส.มลฤดี กล่าวว่า วิธีการป้องกันการถูกหลอกลวงขายสินค้า อันดับแรกคือเลือกซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการ หรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป  การตรวจสอบจากรีวิวของลูกค้าอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากอาจมีการสร้างรีวิวเท็จขึ้นมาได้ อาจนำชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ค้าไปตรวจสอบในอินเตอร์เน็ตว่าเคยมีประวัติหรือมีคดีหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่ อีกทั้ง หากไม่จำเป็นไม่ควรเสี่ยงซื้อสินค้าที่มีราคาถูกมากเกินไป

Advertisement

“ในส่วนของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เรากำลังเดินหน้าเชิญผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ พูดคุยหาทางออกรวมไปถึงวิธีป้องกัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเกือบทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ดังในไทยเป็นอย่างดี ” น.ส.มลฤดี กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image