ทึ่งในความอึด! บททดสอบความทนทานของ ‘แอปเปิล วอทช์ อัลตร้า’ จมน้ำหลายเดือน ยังใช้งานได้ปกติ
เป็นที่รู้กันกว่า แอปเปิล วอทช์ อัลตร้า เป็นนาฬิกาอัจฉริยะจากแอปเปิล ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่รักการผจญภัย และจะมีความทนทานมากเป็นพิเศษ รวมทั้งฟีเจอร์ต่างๆที่เหมาะสำหรับนักผจญภัยทั้งหลาย ซึ่งเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่เหนือขั้นขึ้นไปอีกระดับ จากแอปเปิล วอทช์ อย่างเช่นเรื่องการทนอยู่ในน้ำ ถ้าเป็นแอปเปิล วอทช์ ปกติ จะทนน้ำระดับความลึก 50 เมตร (ตั้งแต่ซีรีส์2 เป็นต้นมา) ส่วนแอปเปิล วอทช์ อัลตร้า จะทนน้ำได้ระดับความลึกถึง 100 เมตรเลยทีเดียว
ล่าสุด เว็บไซต์ 9to5Mac ได้รายงานว่า มีผู้ใช้ แอปเปิล วอทช์ อัลตร้า รุ่นแรก (ตอนนี้ออกรุ่นที่2แล้ว) ได้ทดสอบความทนทานของเจ้าแอปเปิล วอทช์ อัลตร้า โดยไม่ตั้งใจ หลังจากเขาทำมันตกลงไปในทะเลสาบ
ชายคนนี้ ชื่อว่า อามีร์ นูรานี เป็นหนึ่งในผู้อ่าน 9to5Mac ที่อาศัยอยู่ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ที่เปิดเผยกับ 9to5Mac ว่า เรื่องเกิดขึ้นขณะที่เขาอยู่ที่เมืองออสติน ขณะที่เขาอยากจะลงไปเล่นทะเลสาบทราวิส สถานที่ที่เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือ ว่ายน้ำ การดำน้ำสกูบา และโดยปกติแล้ว แอปเปิล วอทช์ อัลตร้า จะมีสายรัดหรือ แบนด์ ที่มีความแน่นหนา ไม่หลุดออกง่ายๆ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของบรรดานักผจญภัย แต่ในวันนั้น นูรานี ใช้สายรัดที่เป็นซิลิโคนธรรมดาเท่านั้น
ขณะที่นูรานี กำลังดำลงไปในน้ำที่ระดับความลึก 30 ฟุต หรือราว 9 เมตร สายรัดก็หลุดออก ทำให้แอปเปิล วอทช์ อัลตร้า หลุดร่วงลงไปใต้ทะเลสาบ แม้ว่าจะพยายามดำลงไปหา แต่ก็ไม่เจอ จนถึงขั้นต้องว่าจ้างนักดำน้ำสกูบา ให้ช่วยงมหานาฬิกาให้ แต่ก็หาไม่เจอ
เมื่อหมดหวังที่จะเจอแล้ว นูรานี จึงได้เปิด “Lost Mode” หรือ โหมดสูญหาย เพื่อไม่ให้คนอื่นที่เจอนาฬิกา นำนาฬิกาไปใช้ได้ และจะมีข้อความแจ้งบนนาฬิกาหากใครพบ ก็จะได้ติดต่อไปยังเจ้าของได้
3 เดือนหลังจากนั้น นูรานี ก็ได้รับสายจากคนที่พบนาฬิกาของเขา และได้แอปเปิล วอทช์ อัลตร้า ของเขากลับคืนมา ในสภาพที่มีคราบสกปรกอยู่ แต่ก็สามารถเช็ดออกได้ และที่สำคัญ เจ้าแอปเปิล วอทช์ อัลตร้า ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
นูรานี บอกว่า คนที่เจอนาฬิกาตอนแรก มันยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ แต่เมื่อชาร์จไฟอยู่หลายวัน มันก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ และทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีอาการผิดปกติใดๆเลย ซึ่งนูรานี ถึงกับบอกว่า “นี่คือการพิสูจน์ของวิศวกรรมของแอปเปิล”
