UIH มุ่งสู่ผู้ให้บริการโครงข่ายและดิจิทัลโซลูชั่นระดับภูมิภาคอาเซียน

นายสันติ เมธาวิกุล

UIH พลิกโฉมยุทธศาสตร์ 2018 ก้าวสู่ผู้ให้บริการโครงข่ายและดิจิทัลโซลูชั่นระดับภูมิภาคอาเซียน ชู 4 กลยุทธ์หลัก ยกระดับโครงข่ายและการบริการครั้งใหญ่ รองรับเทรนด์โลกดิจิทัล

นายสันติ เมธาวิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (UIH) กล่าวว่า ในปี 2018 UIH วางยุทธศาตร์ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายและดิจิทัลโซลูชั่น (Digital Infrastructure and Solution Provider) ระดับภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มตัว และเตรียมความพร้อมรับมือกับดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชั่นขององค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ โดยชูกลยุทธ์ที่สำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่

1. Digital Network : นำเทคโนโลยีดิจิทัลยกระดับการให้บริการเป็นโครงข่ายดิจิทัล ด้วยการอัพเกรดโครงข่ายสื่อสาร Backbone (โครงข่ายหลัก) รองรับแบนด์วิธสูงถึง 1 เทราบิตต่อวินาที (Tbps) เชื่อมต่อระหว่างชายแดนไทยทั่วประเทศกับภูมิภาคอาเซียน ด้วยเทคโนโลยี DWDM (Dense Wavelength Division Multiplexing) ซึ่งมีคุณภาพและเสถียรภาพสูง เหมาะกับการใช้งานของลูกค้ายุคดิจิทัลที่มีความต้องการใช้ทราฟฟิครับ-ส่งข้อมูลมากขึ้น รวมทั้งได้เพิ่มสายไฟเบอร์ออฟติกหลักเส้นที่ 3 ตามแนวทางรถไฟ ระยะทาง 2,500 กิโลเมตร เพื่อสร้างเสถียรภาพของโครงข่ายและรองรับการใช้งานที่มากขึ้น

นอกจากนี้ UIH มีการเชื่อมต่อโครงข่ายกับบริษัทเมียนมาร์ อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด หรือ MIH เพื่อให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก เชื่อมตรงจากประเทศไทยถึง 21 เมืองสำคัญในนครย่างกุ้ง บริการลูกค้าองค์กรในเมียนมาร์ และ องค์กรไทยที่ต้องการขยายสาขาไปเมียนมาร์ด้วย รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งของโครงข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ โดยขยายดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่ม 300 ตู้แร็คที่อาคารเบญจจินดา และร่วมมือกับพันธมิตรดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมด 20 แห่ง เชื่อมต่อดาต้าเซ็นเตอร์บนโครงข่าย UIH Data Center Ring เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้บริการคลาวด์ และ บิ๊กดาต้าในอนาคต

Advertisement

2. ผนึกพันธมิตรระดับโลก : UIH เชื่อมต่อโครงข่ายโดยตรงกับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกที่สิงคโปร์ ได้แก่ Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, Microsoft office 365 และ Google โดย UIH ได้รับการแต่งตั้งเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการจาก AWS และ Microsoft เพื่อให้บริการ Cloud Direct ซึ่งรับประกันคุณภาพ เสถียรภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่า

3. ตั้งกลุ่มธุรกิจ Digital Solution : เพื่อวิจัยและพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่น เช่น E-Document Management, Network Monitoring Management , Wi-Fi BigData Service เป็นต้น รองรับการใช้งานดิจิทัลโซลูชั่นขององค์กรทุกประเภท ขณะเดียวกันต่อยอดการให้บริการ Managed Services บริการดูแลและบริหารจัดการ ระบบโครงข่ายในองค์กรอย่างครบวงจร บริการคลาวด์ และไซเบอร์ซีเคียวริตี้

4. Digital People & Service : พัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางตามมาตรฐานสากลทั้งด้าน คลาวด์ ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ไอโอที พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพบริการทั้งก่อนและหลังการขาย โดยบูรณาการหน่วยงาน ด้านส่งมอบบริการและดูแลลูกค้า รวมทั้งเพิ่มช่องทางบริการหลังการขาย ได้แก่ UIH Service Portal และ UIH Service Chatbot เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานและความพึงพอใจแก่ลูกค้าองค์กรมากยิ่งขึ้น

Advertisement

นายสันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของ Telegeography คาดการณ์การเติบโตของแบนด์วิธในประเทศไทย ปี 2017 – 2023 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 33% ดังนั้น การเตรียมความพร้อมสำหรับบริการดิจิทัลทุกด้าน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานโครงข่ายของลูกค้าองค์กรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะผลักดันให้ UIH มีรายได้เติบโตขึ้นปีละ 20%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image