ลุยส์ แฮร์ริสัน ผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัท ไทรทัน ผู้ผลิตและจำหน่ายเรือสำรวจใต้น้ำ สัญชาติอเมริกันจากเวโร บีช ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เปิดเผยในระหว่างงาน ซุปเปอร์ยอชต์ อินเวสเตอร์ คอนเฟอเรนซ์ งานแสดงพาหนะหรูสำหรับเศรษฐี มหาเศรษฐีที่จัดขึ้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ว่า ปี 2017 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่สุดยอดในแง่ของการขายเรือสำรวจใต้น้ำ เพราะสามารถทำยอดขายได้ทั้งอุตสาหกรรมสูงถึง 30 ลำ
ในแง่จำนวนอาจไม่มากมายเท่าใดนัก แต่ในแง่ของรายได้เพียง 30 ลำดังกล่าวก็ถือเป็นรายได้มหาศาลแล้ว เนื่องจากเรือสำรวจใต้น้ำดังกล่าวนี้มีราคาสูงถึงลำละ 30 ล้านปอนด์ หรือสูงกว่า 1,300 ล้านบาทเลยทีเดียว ราคาถูกที่สุด ตกแต่งน้อยที่สุดก็ตกลำละ 1 ล้านปอนด์ หรือราว 44 ล้านบาทแล้ว และมหาเศรษฐีใดๆ ที่ต้องการของเล่นใหม่นี้ ยังจำเป็นต้องมีเรือผิวน้ำที่อาจเป็นเรือยอชต์สำหรับใช้เป็นเรือสนับสนุนด้วยอีกต่างหาก เนื่องจากเรือสำรวจใต้น้ำดังกล่าวนี้ทำงานตามลำพังไม่ได้ ต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี ซึ่งจำเป็นต้องมีการชาร์จประจุไฟใหม่จากเรือสนับสนุนนั่นเอง
เรือสำรวจใต้น้ำดังกล่าวนี้จึงเรียกว่า “ซับเมิร์สซิเบิล” ไม่ใช่เรือดำน้ำ (ซับมารีน) ที่สามารถทำงานตามลำพังได้
แฮร์ริสันระบุว่า ความสำเร็จของยอดขายดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตอะคริลิค ที่ทำให้ได้โดมใสรูปครึ่งวงกลม ที่สามารถมองใต้มหาสมุทรได้ชัดเจนรอบทิศทาง ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในมหาสมุทรจริงๆ อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้เรือสำรวจใต้น้ำแบบเดียวกันนี้ในภาพยนตร์สารคดีโลกใต้ทะเลชุด “บลู แพลเนท” ของเซอร์เดวิด แอทเทนโบโรห์ ที่ออกอากาศอยู่ทางสถานีโทรทัศน์บีบีซีอยู่ในเวลานี้
บรรดามหาเศรษฐีระดับโลกที่เป็นเจ้าของเรือสำรวจใต้น้ำนี้แล้วมีอาทิ โรมัน อบราโมวิช หรือ “เสี่ยหมี” เจ้าของสโมสรฟุตบอลเชลซี, เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของกลุ่มธุรกิจเวอร์จิน, พอล อัลเลน ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ และเรย์ เดลิโอ ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสี่ยงหรือเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังชาวอเมริกัน
เดลิโอถูกจัดอันดับเป็นคนรวยที่สุดในโลกอันดับที่ 90 มีเรือสำรวจใต้น้ำ 2 ลำ ใช้งานร่วมกับเรือซุปเปอร์ยอชต์ ชื่อ “อลูเซีย” ที่ราคาลำละ 50 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,586 ล้านบาท
