8 มีนาคม วันสตรีสากล
ในยุคที่ปิตาธิปไตย หรือชายเป็นใหญ่ ถูกต่อต้านจากผู้คนที่มองเห็นความสำคัญของความเท่าเทียม
ย้อนไปในอดีต วัฒนธรรมอุษาคเนย์ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับว่าผู้หญิงมีบทบาทสูง การยอมรับนับถือเครือญาติฝ่ายแม่ เป็นที่รับรู้ทั่วไป
โฟกัสเข้ามาในแผ่นดินสยาม ยุคกรุงศรีอยุธยา ‘บันทึกของหม่าฮวน’ ล่ามในคณะเดินทางของ ‘เจิ้งเหอ’ ระบุในตอนหนึ่งถึงบทบาทผู้หญิงในฐานะ ‘เมีย’ ว่า
‘บ้านของผู้คนสร้างเป็นชั้น ชั้นบนไม่ได้ใช้กระดานทำพื้น แต่ใช้ไม้ของต้นหมากผ่าแยกเป็นริ้วคล้ายผ่าแยกต้นไผ่….บนพื้นนี้ลาดด้วยเสื่อทำจากหวายและเสื่อไผ่ และบนนี้พวกเขานั่ง นอน กิน และพักผ่อน….
ผู้ชายเกล้าผมมวยและใช้ผ้าขาวพันรอบหัว บนลำตัวนุุ่งผ้าถุงยาว ผู้หญิงเกล้าผมมวยเหมือนกัน และใส่ชุดยาว…เป็นขนบของพวกเขา
ทั้งกษัตริย์ของประเทศ (อยุธยา) และสามัญชน ที่เมียจัดการทุกอย่าง ถ้าเขาต้องทำอะไรที่ต้องคิดและพิจารณา-ลงโทษ เบาหรือหนัก ธุรกรรมการค้าใหญ่หรือน้อย-พวกเขาจะทำตามที่เมียเขาตัดสินใจ ปัญญาของบรรดาเมียมีมากกว่าผู้ชาย…วิถีของพวกเขาเอะอะ ตึงตัง และเสเพล’
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าว สำนวนแปลในเนื้อหาส่วนเดียวกัน โดย นายท่องสื่อ ถอดความจาก Ying-Yai Sheng-Lan ของ Ma Huan ตอน The Cpuntry of Hsien Lo (J. V. G. Mills แปลเป็นภาษาอังกฤษจากต้นฉบับภาษาจีนชำระโดย Feng Ch’eng-Chün) ที่เผยแพร่ในเวปไซต์นิตยสารศิลปวัฒนธรรมมีความดังนี้
‘ธรรมเนียมของเขาถือกันว่า กิจการทั้งปวงให้ภรรยาดูแลจัดการ
ทั้งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงปกครองประเทศ ทั้งราษฎรสามัญ ถ้ามีเรื่องราวที่จําต้องใช้หัวคิดและการตัดสินใจแล้วไม่ว่าจะการลงโทษหนักเบา การค้าขายใหญ่น้อย พวกเขาทั้งหลายก็จะทําไปตามการตัดสินใจของภรรยา ด้วยว่าความสามารถในทางความคิดจิตใจของพวกภรรยานั้นเด่นกว่าของพวกผู้ชายโดยแท้
หากหญิงที่มีสามีแล้วมาใกล้ชิดสนิทสนมกับใครคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเราที่มาจากแผ่นดินจีน ก็จะจัดหาสุรา อาหาร แล้วพวกเขาก็จะดื่ม แลนั่งคุย และนอนด้วยกัน
ผู้เป็นสามีก็เฉยดีแท้ จะคัดค้านอะไรก็เปล่า เขาว่าเลยแหละว่า เมียข้าสวย และผู้ชายจากเมืองจีนก็สําราญบานใจกับนาง พวกผู้ชายทําผมเป็นมวยจุก และใช้ผ้าโพกสีขาวพันรอบศีรษะ บนร่างกายก็สวมผ้ายาว ผู้หญิงก็เกล้าผมแลสวมผ้ายาวเช่นกัน’