เปิดข้อมูล ทำไมโบราณห้ามชี้นิ้วใส่รุ้งกินน้ำ ทำแล้วจะกุดจริงไหม?

เปิดข้อมูล ทำไมโบราณห้ามชี้นิ้วใส่รุ้งกินน้ำ ทำแล้วจะกุดจริงไหม?

“รุ้งกินน้ำ” ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายหลังฝนหยุดตก ซึ่งเราสามารถมองเห็นความสวยงามของมันได้อย่างเพลิดเพลินใจ จนใคร่อยากจะให้เพื่อนฝูงในเยาว์วัยได้พบเห็น จึงไม่แปลกใจที่หลายคนมักจะเอานิ้วชี้ไปที่สายรุ้ง แต่กลับถูกผู้ใหญ่สั่งสอนว่า ไม่ควรเอานิ้วชี้รุ้ง แล้วทำไมจึงห้ามเอานิ้วชี้รุ้ง? คงต้องสืบสาวไปก่อนว่า “รุ้งกินน้ำ” เกิดมาจากอะไร จนนำพาไปสู่ให้เกิดความเชื่อว่า “ห้ามชี้รุ้งเพราะเดี๋ยวนิ้วจะกุด!”

ตามความเชื่อคนไทยโบราณมองว่า รุ้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากฟ้าที่ลงมากินอาหารหรือกินน้ำหลังฝนตก และรุ้งจะปรากฏให้เห็นเป็นแถบสี 7 สีไล่หลังตามมา คือ สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง

รุ้งกินน้ำในภาษาบาลี-สันสกฤต คือคำว่า “อินทรธนู” เป็นคำสมาสจากการนำคำว่า “อินทร” ในภาษาสันสกฤต มีความหมายคือ พระอินทร์ มารวมกับคำว่า “ธนู” ในภาษาบาลี มีความหมายคือ อาวุธชนิดหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยคันธนู และลูกธนูปลายแหลม ถ้าหากเราแปลตรงตัว ความหมายจะแปลว่า “ธนูของพระอินทร์” 

ADVERTISMENT

พระอินทร์ ถือเป็นเทพเจ้าที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาพุทธ ในฐานะ “เทพเจ้าแห่งฝนฟ้าอากาศ” ผู้คอยดลบันดาลฝนจากฟากฟ้า เพื่อทำให้ทุ่งหญ้าเขียวขจี สัตว์ทั้งหลายอ้วนพี และให้นมเนยอุดมสมบูรณ์ และสัมพันธ์กับ “รุ้งกินน้ำ” ปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากสายฝนที่โปรยปรายได้สลายลงไป

ADVERTISMENT

พระอินทร์ถือเป็นเทพเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ เพราะเป็นเทพเจ้าที่ “ชาวอารยัน” บูชาในฐานะ “แม่ทัพสวรรค์” เทพเจ้าผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลฟ้าฝน และมีสายฟ้าเป็นอาวุธ เมื่อชาวอารยันละทิ้งวิถีชีวิตเร่ร่อน อพยพไปสู่ยุโรปและอินเดีย ความเชื่อเรื่องแม่ทัพสวรรค์ซึ่งสามารถควบคุมดินฟ้าอากาศและมีสายฟ้าเป็นอาวุธ ก็ยังคงปรากฏให้เห็นในความเชื่อของกลุ่มชนชาวอารยัน ที่พูดภาษาในตระกูลอินโด-ยูโรเปียน อย่าง Zeus และ Jupiter ของชาวกรีกและโรมัน Thor ของชาวนอร์ส และพระอินทร์ของอินเดีย

พระอินทร์มีวีรกรรมที่สำคัญ คือ การทำลายอสูรผู้ทำให้เกิดความแห้งแล้งและความมืดมิด นามว่า “วฤตระ” หรือนิยมเรียกว่า “วฤตราสูร” ในบางแห่งเรียกว่า อหิ หมายถึง งูใหญ่ วฤตราสูรถือเป็นตัวแทนของความแห้งแล้งที่ผู้คนในสังคมเกษตรกรรมไม่พึงปรารถนา ส่วนพระอินทร์ถือเป็นตัวแทนของสายฝน

พระอินทร์จึงเป็นเหมือนความหวังที่ทำหน้าที่ชะโลมโลกให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โดยการใช้วัชระ (สายฟ้า) ผ่าเมฆ จนกลายเป็นสายฝนหลั่งลงมาจากฟากฟ้าให้ผืนดินชุ่มฉ่ำ หลังจากฝนหยุดตก พระอินทร์จะใช้ “อินทรธนู” ยิงพาดผ่านท้องฟ้าปรากฏให้เห็นเป็นสายรุ้ง อันเป็นนิมิตอันดีที่เทพเจ้าลงมาประทานพรให้กับโลกมนุษย์

แม้ว่าภายหลัง พระอินทร์จะถูกลดบทบาทและสถานะให้ด้อยลงไป ทั้งจากศาสนาฮินดูที่กดให้พระอินทร์กลายเป็นเทพชั้นรอง และในศาสนาพุทธที่แปรสภาพให้พระอินทร์กลายเป็นเทพผู้อุปถัมภ์พุทธศาสนา หากแต่ความเชื่อเรื่องรุ้งกินน้ำซึ่งเกิดขึ้นจากธนูพระอินทร์ก็ยังคงมีอยู่ ไม่ได้จางหายไปไหน ปรากฏให้เห็นผ่านรูปแบบของภาษา ที่สังคมไทยยังคงใช้คำว่า “อินทรธนู” หมายถึง “รุ้งกินน้ำ” อยู่

สาเหตุนี้เอง จึงทำให้คนไทยมองว่า “รุ้งกินน้ำ” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะถือว่า สายรุ้งเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของราชาแห่งปวงเทวดา การชี้รุ้งจึงถือว่าเป็นการลบหลู่ เชื่อว่าจะทำให้นิ้วกุดได้ หากแท้จริงแล้วนั้น รุ้งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลังฝนตก เมื่อแสงแดดวิ่งลอดผ่านละอองน้ำในอากาศ จะทำให้สีต่างๆ ในแสงเกิดการหักเหขึ้นเป็นแถบจนเกิดเป็นรุ้งกินน้ำ

ส่วนเหตุผลที่แท้จริงว่า ทำไมคนโบราณจึงห้ามเด็กๆ ชี้นิ้วใส่รุ้งนั้น อาจเป็นเพราะว่า หลังจากฝนตก เด็กๆ มักออกมาวิ่งเล่นหลังฝนหยุดตกพอดีกับช่วงที่เกิดรุ้งกินน้ำ ซึ่งเหล่าเด็กๆ อาจสนใจรุ้งกินน้ำ เพราะถือเป็นสิ่งสวยงามและสะดุดตาและมักเอานิ้วชี้ใส่รุ้ง แต่หากเอานิ้วชี้ขึ้นฟ้าโดยไม่ระวังก็อาจจะทำให้เกิดอันตราย เช่น อาจเอานิ้วจิ้มตาผู้อื่นได้

คนโบราณที่ยังไม่เข้าใจหลักวิทยาศาสตร์และเป็นห่วงลูกหลานจึงได้คิดกุศโลบายเช่นนี้ขึ้นเพื่อไม่ให้เด็กๆ เอานิ้วชี้รุ้งได้โดยไม่ระวัง โดยการเชื่อมโยงให้รุ้งกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากฟ้าและพระอินทร์ไปเสีย

ขอบคุณที่มา : ศิลปวัฒนธรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image