ย้อนอ่าน อ.ธงทอง ทายาทสายตรง เล่าเกร็ดประวัติรูปปั้นยายแฟง เคยถูกทาปาก-ทำผม

ย้อนอ่าน อ.ธงทอง ทายาทสายตรง เล่าเกร็ดประวัติรูปปั้นยายแฟง เคยถูกทาปาก-ทำผม

แค่ชื่อเรื่องก็ชวนยิ้มแล้ว สำหรับ “คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์” อีกหนึ่งละครที่กำลังออนแอร์และมีกระแสความนิยมมาแรง ชวนให้คิดถึงบรรยากาศเมื่อตอน “บุพเพสันนิวาส” กำลังออนแอร์ เพราะนอกจากเรื่องราวที่สนุกสนานแล้วนั้น ประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในละครก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน

โดยครานี้ คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์ ที่ออกอากาศทางช่อง 3HD นำเสนอเรื่องราวของตัวเอกหญิงที่ย้อนเวลาไปเป็น “โสเภณี ” ในสำนัก “แม่แฟง” ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์

และ “แม่แฟง” หรือ “ยายแฟง” ที่ว่าก็เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งหนึ่งในแม่เล้าเมืองชื่อดังเมืองบางกอก กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 3 ที่โด่งดัง จนมีคำพูดติดปากเป็นวลีที่ว่า “ยายฟักขายแกง ยาแฟงขาย… ยามีขายเหล้า” และเมื่อกิจการรุ่งเรืองจนร่ำรวย ยายแฟงได้นำเงินไปสร้าง “วัดคณิกาผล” หรือที่รู้จักในชื่อ “วัดใหม่ยายแฟง” หมายถึง ผลที่ได้จากนางคณิกา (หญิงโสเภณี)

อย่างไรก็ตาม จากที่มีการนำเสนอเรื่องราวของยายแฟงไปนั้น ได้มีภาพรูปปั้นยายแฟงที่สวมวิก แต่งหน้า และสวมชุดไทย ปรากฎให้เห็น

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษานายกฯ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในทายาทสืบสกุลสายตรงของยายแฟง ได้โพสต์เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของวัดใหม่ยายแฟงไว้เมื่อปีพ.ศ.2564 ด้วยว่า

“ด้านหลังอุโบสถวัดคณิกาผล หรือ วัดใหม่ยายแฟง มีซุ้มคูหาประดิษฐานรูปคุณยายแฟง ผู้บริจาคทรัพย์สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ตามเรื่องราวที่มีผู้ทราบกันอยู่โดยทั่วไปแล้ว

ADVERTISMENT

แต่หลายท่านคงยังไม่ทราบว่า คุณยายแฟงท่านนี้ ยังมีทายาทสืบสกุลจากท่านลงมาโดยตรงอีกไม่น้อย รวมทั้งตัวผมเอง ก็เคารพกราบไหว้ท่านในฐานะที่ท่านเป็นทวดของทวดผม ซึ่งหมดคำเรียกเสียแล้วในภาษาไทย

รูปปั้นของท่านสร้างขึ้นเมื่อไหร่ผมไม่ทราบความแน่ชัด แต่ทำเป็นรูปท่านในฐานะอุบาสิกาผู้ทรงศีล เป็นรูปปั้นครึ่งตัวปิดทอง มีจารึกที่ฐานว่าท่านเป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ เมื่อพุทธศักราช 2376 และท่านเป็น “ต้นสกุลเปาโรหิตย์”

มีผู้ส่งภาพรูปปั้นของท่านที่มีใครไม่ทราบไปประดับตกแต่งรูปปั้นดังกล่าวด้วยวิกผม กระบังหน้า เขียนคิ้ว ติดขนตาปลอม และผัดหน้าทาปากด้วยเครื่องสำอางจนไม่เห็นผิวของรูปปั้นเดิม พร้อมเครื่องแต่งกายสีสันฉูดฉาด ทำให้ภาพความเป็นอุบาสิกาผู้ทรงศีลของท่านไม่เหลือร่องรอยให้ระลึกนึกถึงเลย ผมเห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วก็สลดใจ และคิดตรึกตรองอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีกับเรื่องนี้

พอดีวันนี้ได้ทราบข่าวว่า Sun Nanthachandra ผู้เป็นธุระกังวลเช่นเดียวกันกับผมและอีกหลายท่านที่ได้พูดคุยกันมาบ้าง พร้อมเพื่อนอีกคนหนึ่งได้กรุณาไปลบเครื่องสำอางและเครื่องประดับตกแต่งที่เกินความพอดีออก เหลือแต่รูปปั้นแท้ๆ ของท่าน พร้อมนำผ้าขาวไปประดับตกแต่งสมแก่เหตุแก่ผล และถูกต้องตรงกันกับลักษณะการแต่งกายของท่านที่เห็นได้จากรูปปั้นที่ปรากฏ

เมื่อได้เห็นภาพความถูกต้องงดงามที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วมีแต่ความชื่นใจและความปีติ ทั้งผมเชื่อมั่นด้วยว่า ถ้าคุณยายแฟงได้ทราบเรื่องนี้ ท่านจะอำนวยอวยชัยให้ศีลให้พรแก่ผู้มีใจกุศลครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง

ลองพินิจภาพแล้วเปรียบเทียบดูเถิดครับว่า ความสงบงามที่แท้เป็นเช่นไร ความมีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ของคุณยายแฟง ควรปรากฏให้คนรุ่นปัจจุบันได้ศึกษาพิจารณาในรูปลักษณะเช่นไร”

นอกจากนี้ อ.ธงทอง ยังได้เล่าไว้อีกว่า “ตามประวัติที่ได้เล่าสืบต่อกันมาและบันทึกไว้ในครอบครัวกล่าวว่า ในทำเลย่านใกล้เคียงกับพื้นที่ที่เรียกกันในปัจจุบันว่าสำเพ็ง ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์เคยใช้เป็นพื้นที่สำหรับชาวจีนทำสวนพลูขายให้แก่ลูกค้าทั่วไป

จีนคนหนึ่งในพวกจีนสวนพลูคณะนั้นเป็นคนมั่งคั่งชื่อ “เจ้าสัวเอี๋ยน” มีภริยาเป็นคนไทยชื่อ “แฟง” ทั้งสองท่านไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาวเพียงสองคน

ลูกสาวคนโตชื่อเอม แต่งงานกับพระมหาราชครูมหิธร (กลีบ) ลูกชายของพระมหาราชครูบูโรหิตาจารย์ (บุญรอด)

ส่วนลูกสาวคนเล็กชื่อกลีบ แต่งงานกับชายไทยไม่ทราบชื่อ มีลูกชายหนึ่งคนคือ พระดรุณรักษา (กันต์) ต้นสกุลสาครวาสี

คุณเอมกับพระมหาราชครูมหิธร(กลีบ) มีลูกชาย-หญิงด้วยกันสามคน เป็นลูกชายเพียงคนเดียวชื่อสมบุญ ภายหลังได้รับราชการเป็นที่ขุนศรีธรรมราช ได้แต่งงานกับท่านน้อย แห่งสกุลตัณฑเสน ขุนศรีธรรมราชและท่านน้อยมีลูกชาย-หญิงสามคน

ลูกหญิงคนแรกคือ คุณหญิงชุ่ม ธรรมศาสตร์นาถปรนัย แต่งงานกับพระยาธรรมศาสตร์นาถปรนัย (จุ้ย สุวรรณทัต)

ลูกชายคนกลางคือ เจ้าพระยามุขมนตรี (อวบ เปาโรหิตย์) ผู้ได้รับพระราชทานนามสกุลในรัชกาลที่หกว่า เปาโรหิตย์

ส่วนลูกสาวคนเล็กคือ หม่อมแช่ม ดิศกุล สมรสกับหม่อมเจ้าจุลดิศ โอรสองค์ใหญ่ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทั้งสามท่านมีลูก-หลานที่เกี่ยวพันเป็นเครือญาติกันทั้งสิ้น

คุณหญิงชุ่มเป็นย่าของแม่ผม และเป็นทวดโดยตรงของผม โดยมี “คุณยายแฟง” เป็นทวดของคุณหญิงชุ่มอีกทอดหนึ่ง

ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะเป็นลมเป็นแล้งไป เอาแต่ข้อใหญ่ใจความโดยสรุปก็แล้วกันครับว่าคุณยายแฟงเป็นบรรพบุรุษของผม และเป็นบรรพบุรุษของลูกหลานอีกจำนวนมากที่สืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้”

ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image