‘หลวงทุกขราษฎร์’ ราชทินนามที่ ร.4 ไม่โปรด พบหลักฐานเก่าสุดย้อนถึงยุคพระเจ้าตาก

ไม่ใช่ยศตำแหน่งที่คุ้นหูคนไทยแต่ประการใด สำหรับ ‘หลวงทุกขราษฎร์’ ซึ่งถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเป็น ‘ราชทินนาม’ อันหมายถึง นามที่พระมหากษัตริย์พระราชทานเพื่อตั้ง กำกับยศ หรือบรรดาศักดิ์แก่ขุนนาง

ในละครย้อนยุคสุดปังแห่งปี อย่าง ‘คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์’ ปรากฏราชทินนามที่ว่านี้ เนื่องด้วยพระเอกของเรื่องที่รับบทโดย ภณ ณวัสน์ นั้นคือหลวงทุกขราษฎร์ ที่นางเอกอย่าง โบว์ เมลดา ในฐานะนางเอกสาว ‘นิทรา’ ที่ข้ามเวลามาเป็นนางคณิกานามว่า ‘บุญตา’ นั้น เมื่อได้ยินถึงกับอุทานว่า ชื่อยาวจัง ก่อนถามชื่อเล่น จนได้ทราบว่า พระเอกมีนามว่า ‘ฉาย’

ย้ำอีกครั้งว่า หลวงทุกขราษฎร์ ไม่ใช่ชื่อตัว แต่เป็นราชทินนามที่มีจริงในประวัติศาสตร์

ส.พลายน้อย นักปราชญ์ผู้ล่วงลับ ค้นคว้าและอธิบายไว้ในหนังสือ ‘ขุนนางสยาม’ ตอนหนึ่งว่า

ADVERTISMENT

ในบรรดาราชทินนามต่างๆ มีอยู่ราชทินนามหนึ่งซึ่งค่อนข้างแปลก คือมีแทบจะทุกเมือง ได้แก่ ราชทินนาม ทุกขราษฎร์ ยังไม่พบหลักเกณฑ์ว่าเป็นตำแหน่งขึ้นกับใคร เท่าที่พบเก่าที่สุดในรัชกาลพระเจ้าตากสินมหาราช มีตำแหน่งพระยาทุกขราษฎร์ (ในหนังสือมหามุขมาตยานุกูลวงศ์ของ ก.ศ.ร. กุหลาบ กล่าวว่า ครั้งกรุงธนบุรีมีตำแหน่งเจ้าพระยาทุกขราษฎร์ [พยอม] เมืองนครศรีธรรมราช) ที่เมืองพิษณุโลก ซึ่งต่อมาในรัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นเจ้าพระยามหาเสนาบดีศรีสมุหพระกลาโหม)

ในพงศาวดารเมืองนครศรีธรรมราชเล่าว่า เมื่อครั้งรัชกาลที่ 1 พม่าลงไปตีเมืองชุมพร เมืองสงขลา เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าเมืองกรมการเมืองพัทลุงได้ข่าวว่าเมืองทั้งสามเสียแก่ข้าศึกแล้ว ก็ปรึกษากันว่าจะยกครอบครัวหนี แต่มีพระรูปหนึ่งชื่อมหาช่วย เป็นเจ้าอธิการวัดในแขวงเมืองพัทลุงไม่ยอมหนี สำแดงวิชาเวทมนตร์ลงเลขยันต์ตะกรุดประเจียดมงคลให้แก่กรมการนายบ้านชาวเมืองทั้งปวง

ADVERTISMENT

คนเหล่านั้นก็นิยมยินดีถือมั่นเอาสิ่งนั้นเป็นเครื่องป้องกันศาสตราวุธ พาให้ใจกล้าขึ้นถึงอาจสู้รบด้วยพม่าได้ กรมการจึงจัดพลได้พันเศษ แล้วเชิญท่านมหาช่วยอาจารย์ขึ้นคานหาม (นัยหนึ่งว่าขี่ช้างมาในกองทัพด้วย) ยกกองทัพออกมาตั้งคอยรบทัพพม่าอยู่กลางทางห่างเมืองพัทลุง พระมหาช่วยมีปืน 2 กระบอก ยัดดินส่งให้ศิษย์เดินยิงมาหน้าช้าง พม่าข้าศึกดูเห็นกองทัพใหญ่ยกมาก็แตกหนีไป

กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงพระราชดำริเห็นว่า พระมหาช่วยเป็นผู้ที่ได้รับราชการมีความชอบมาก แต่ถ้าจะพิจารณาไปข้างหน้าที่สมณะก็เห็นว่ามัวหมองอยู่ จึงให้สึกออกจากบรรพชิตแล้วตั้งให้เป็นพระยาทุกขราษฎร์ ผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง ทำราชการฝ่ายฆราวาส

นอกจากนี้ ในพงศาวดารเมืองล้านช้างกล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 2371 เมื่อคราวตีเมืองเวียงจันทน์ ก็ออกชื่อ พระยาทุกขราษฎร์ เมืองนครราชสีมา

ราชทินนาม ทุกขราษฎร์ นี้คงจะได้แต่งตั้งต่อๆ กันมาอีกหลายคนและหลายเมือง ได้ตรวจดูในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ตอนที่ทรงพระกรุณาโปรดตั้งแต่งข้าราชการ มีข้อความตอนหนึ่งว่า

“แล้วได้ตั้งตำแหน่งทุกขราษฎร์หัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือด้วยทั้งสิ้น”

ดังนี้แสดงว่าตำแหน่งทุกขราษฎร์มีทั้งใต้และเหนือ บางทีตำแหน่งนี้จะมีฐานะเป็นกรมการเมือง เพราะได้พบในพระราชพงศาวดารกรุงสยามหน้า 734 สมัยกรุงธนบุรีได้ออกนาม ‘พระยาทุกขราชกรมการ’ ซึ่งเข้าใจว่าจะเป็น ‘พระยาทุกขราษฎร์’ นั่นเอง

แต่ต่อมาในสมัยหลัง ตำแหน่งนี้ดูจะลดความสำคัญลงเพราะเหลือเพียงบรรดาศักดิ์หลวงเท่านั้น และปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดราชทินนามนี้ ดังมีหลักฐานว่าเมื่อ พ.ศ. 2396 วันหนึ่งเสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งเฉพาะพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ว่า

‘ชื่อหลวงทุกขราษฎร์ที่เรียกมาแต่ก่อนๆ นั้นหาชอบกลไม่ ฟังดูเป็นทีประหนึ่งกระทำทุกข์ให้แก่อาณาประชาราษฎรให้ได้รับความเดือดร้อน’

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามใหม่ ด้วยพระราชหฤทัยจะมิให้นักปราชญ์ผู้มีปัญญาวิชารู้ภาษามคธสันสกฤตตริตรองละเอียดตำหนิติเตียนคนโบราณได้ จึงเปลี่ยนราชทินนามใหม่เป็น หลวงบรรเทาทุกขราษฎร์ หรือจะว่าแต่ หลวงบรรเทาทุกข์ เท่านั้นก็พอจะฟังได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image