5 มาสเตอร์พีซ จอมพล ป. ยุคนั่ง วธ. ควบนายกฯ คนแรก ก่อนถึง ‘อุ๊งอิ๊ง’
รมว.วัฒนธรรม – นับเป็นนักการเมืองคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ไทย ที่ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สำหรับ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งมาพร้อมภาพจำในยุทธศาสตร์ ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’
ส่วนนายกฯ คนแรกที่ตัดริบบิ้นขึ้นครอง 2 ตำแหน่งดังกล่าว คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งไม่เพียงนั่งเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม ควบนายกฯ ทว่า ยังเป็นรมว.วัฒนธรรม ‘คนแรก’ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นผู้สถาปนากระทรวงดังกล่าวด้วยตนเอง เมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2495 โดยมีพัฒนาการมาจาก กองวัฒนธรรม สังกัดกรมศิลปากร และ สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ตามลำดับ
เรียกได้ว่า ตั้งเอง เป็นเจ้ากระทรวงเอง แถมโปรเจ็คเพียบ
‘มติชนออนไลน์’ คัดสรร 5 มาสเตอร์พีซ ผลงานเด่นที่ต้องขีดเส้นใต้ พร้อมไฮไลต์สีสะท้อนแสง เนื่องด้วยส่งผลสะท้านสะเทือน อีกทั้งเป็นรากฐานสำคัญในงานวัฒนธรรมมาถึงวันนี้
1.ตั้งกระทรวงวัฒนธรรม
เดิม งานวัฒนธรรมอยู่ในหน่วยงานเล็กๆ ที่เรียกว่า กองวัฒนธรรม สังกัดกรมศิลปากร ต่อมา พัฒนาเป็นสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทั่ง จอมพล ป. จัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีที่ตั้งอยู่ ณ บ้านพิษณุโลก ก่อนย้ายไปอยู่ที่สนามเสือป่าได้ราว 6 ปี 5 เดือน
ทว่า หลังจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหาร เมื่อ พ.ศ.2501 กระทรวงวัฒนธรรม ถูกลดฐานะให้เป็นเพียงกองวัฒนธรรม สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และต่อมาได้ถูกโอนไปสังกัดกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ตามลำดับ
2.วางรากฐานอุทยานปวศ. สุโขทัย-อยุธยา และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหัวเมือง
ย้อนไปหลังเปลี่ยนแปบวการปกครอง การสำรวจและขึ้นทะเบียนโบราณสถานสำคัญเกิดขึ้นในยุคคณะราษฎรเมื่อ พ.ศ.2478 โดยเฉพาะเมืองเก่าสุโขทัย และพระนครศรีอยุธยา
ต่อมาในยุคจอมพล ป. นั่งนายกฯ ควบ รมว. วัฒนธรรม รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูบูรณะเมืองสุโขทัยขึ้น เทื่อพ.ศ.2496 โดยเริ่มมีการขุดแต่งที่วัดมหาธาตุเป็นแห่งแรก และตามด้วยโบราณสถานที่สำคัญอื่น ๆ ทั้งภายในกำแพงเมือง และภายนอกกำแพงเมือง ระยะต่อมาได้มีการตั้งคณะกรรมการปรับปรุงบูรณะโบราณสถานจังหวัดสุโขทัย
ส่วนอยุธยา เริ่มโครงการบูรณะพระที่นั่งและวัดต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงเวลาที่กรมศิลปากรจัดทำประวัติโบราณสถานอย่างเป็นระบบเป็นครั้งแรก
แม้อุทยานประวัติศาสตร์ จะไม่ได้เกิดขึ้นและสำเร็จในยุคนี้ ทว่า ในยุคจอมพล ป. ถือเป็นการกรุยทาง วางรากฐานสำคัญที่ทำให้ก่อเกิดโครงการอุทยานประวัติศาสตร์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2519
3.เซ็นตั้งคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ เจอ ส.ส. ตั้งกระทู้ถาม จอมพล ป. ลุกตอบเอง
คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย เกิดจากแนวคิดของ พันโท หลวงรณสิทธิพิชัย (เจือ กาญจนินทุ) อธิบดีกรมศิลปากรในยุคที่จอมพล ป. นั่งเก้าอี้คุม วธ.โดยมองว่า หนังสือประวัติศาสตร์ไทยที่มีอยู่ ยังไม่สมบูรณ์
จอมพล ป. ในฐานะนายกฯ รับลูก โดยมีหนังสือตอบไฟเขียว เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2493
ความตอนหนึ่งว่า
“…ผมเห็นด้วย นอกนั้นควรจะได้ตั้งตำแหน่งประจำทำไว้ ส่วนเงินนั้นอย่าไปเอาจากต่างประเทศเลย ของเรามี ถ้ามีเหตุผล แลเป็นประโยชน์ ก็ตั้งงบประมาณได้ ให้คำนวณมา ตะต้องการเท่าใด”
คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย จึงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2495 โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภ พิทยากร ทรงเป็นกรรมการที่ปรึกษา และ พระยาอนุมานราชธน เป็นประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยนักปราชญ์ราชบัณฑิตเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายน้อม อุปรมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีคำถามรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อ พ.ศ. 2497 เรื่องการชำระประวัติศาสตร์ไทย โดยจอมพล ป. ได้ลุกขึ้นตอบด้วยตนเอง
ความตอนหนึ่งว่า
“กรรมการคณะนี้ได้แบ่งหน้าที่กันเขียนเป็นสมัยๆ ไป หลักฐานที่นำมาเขียนได้ค้นคว้าจากหนังสือต่างๆ เท่าที่เห็นว่าพอจะเชื่อถือได้ และได้ใช้เงินไปแล้วเป็นจำนวน 270,000 บาท จะสำเร็จบริบูรณ์ตามโครงการภายใน พ.ศ. 2499 ซึ่งจะต้องใช้เงินอีกประมาณ 180,000 บาท
กรรมการชำระประวัติศาสตร์มีข้าราชการประจำบ้าง ข้าราชการบำนาญบ้าง และ ผู้ที่ไม่ได้รับราชการบ้าง ทั้งนี้ รัฐบาลได้พิจารณาเลือกเฟ้นแต่งตั้งขึ้นจากบุคคลที่มีความรู้และได้แสดงความสามารถเท่าที่เห็นว่าเหมาะสมในการชำระประวัติศาสตร์”
4.ก่อเกิด ‘คณะโบราณคดี’ ม.ศิลปากร
คณะโบราณคดี คณะเดียวในประเทศ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2498 ในยุคจอมพล ป. และครบรอบ #70ปีคณะโบราณคดี ในปี 2568 นี้
แรกตั้ง เริ่มการเรียนการสอนในอาคารกระทรวงคมนาคม ซึ่งปัจจุบันถูกรื้อไปแล้ว บนที่ตั้งของโรงละครแห่งชาติในปัจจุบัน
รัฐบาลจอมพล ป. มอบหมาย พ.อ.หลวงรณสิทธิพิชัย (เจือ กาญจนินทุ) อธิบดีกรมศิลปากร ปฏิบัติตามแนวคิดและนโยบายที่มีต้นทางจากคณะราษฎร
หลวงรณสิทธิพิชัย มอบหมาย มานิต วัลลิโภดม หัวหน้ากองโบราณคดี กรมศิลปากร ริเริ่มการเรียนการสอนโบราณคดีในกรมศิลปากร
กำเนิดการเรียนการสอนโบราณคดี
โดยมีความเป็นมาแบ่งออก 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเป็นแผนกโบราณคดี และช่วงเป็นคณะโบราณคดี
(1.) แผนกโบราณคดี เริ่มเปิดในโรงเรียนศิลปศึกษา พ.ศ.2495
(2.) คณะโบราณคดี เริ่มเปิดในมหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ.2498 โดยมี หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ เป็นคณบดีคนแรก
5.ดำริสร้าง ‘พุทธมณฑล’ ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
ในรัฐบาลจอมพล ป. เป็นยุคที่มีดำริสร้างปูชนียสถานเนื่องในพุทธศาสนาให้ยิ่งใหญ่หวังให้อนุชนรุ่นหลังได้ระลึกถึงศรัทธามหากุศลของรัฐบาลและประชาชนในสมัยครบรอบ 25 พุทธศตวรรษ
รัฐบาลจึงมีมติ สร้าง ‘พุทธมณฑล’ บนพื้นที่ 2 2500 ไร่ โดยจัดซื้อที่ดินบริเวณตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี และตำบลบางกระทึก อำเภอสามพรานจังหวัดนครปฐม เป็นสถานที่ก่อสร้าง
ส่วนพระพุทธรูปพระประธาน ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หลังได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการจัดงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการออกแบบพระพุทธรูป พุทธประวัติ พุทธบัญญัติ ในการประชุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2497 ณ ห้องประชุม กรมศิลปากร
แม้พุทธมณฑลไม่ได้ก่อสร้างจนแล้วเสร็จในยุคจอมพล ป. ทว่า นับเป็นดำริสำคัญที่นำมาสู่พุทธสถานสุดอลังการของไทยในวันนี้