ด่วน! อดีต ขรก.ตำรวจ จ่อยิงหน้าผากสาวใหญ่ บ้านพักจรัญสนิทวงศ์ จนท.เร่งปิดล้อมเกลี้ยกล่อม

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 กรกฎาคม เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 68/14 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 34 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. สน.บางยี่ขัน พบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนางศิริพร โภชนาดา อายุ 63 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่หน้าผาก อยู่บริเวณชั้นล่างของตึกแถว 4 ชั้น ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นชายทราบชื่อนายปิยวัฒน์ เมนศิริฤกษ์ อายุ 57 ปี ยังหลบซ่อนตัวอยู่ภายในที่เกิดเหตุ ทางตำรวจ สน.บางยี่ขัน ปิดล้อมและเกลี่ยมกล่อมคนร้ายให้มอบตัวแต่ยังไม่ยินยอมแต่อย่างใด

เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้เช่าอยู่บ้านที่เกิดเหตุส่วนผู้เสียชีวิตเป็นผู้ดูแลบ้านที่เกิดเหตุ โดยก่อเหตุตั้งแต่เมื่อวานเย็นที่ผ่านมาจนผู้เช่าบ้านหลังดังกล่าวผิดสังเกตุเห็นว่าบ้านปิดไฟเงียบจึงพบศพดังกล่าว ต่อมาเวลา 12.30 น. หน่วยอรินทราช 216 จากกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ(บก.สปพ.) 12 นาย มาที่เกิดเหตุโดยมี พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 เป็นผู้ควบคุมเหตุการณ์ ต่อมา พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.เดินทางมาบัญชาเหตุการณ์ พร้อม พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผบช.น.

นางศิริวรรณ โภชนดา อายุ 62 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่เกิดเหตุ กล่าวว่าผู้ก่อเหตุกับพี่สาวตนมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยในเรื่องการพักอาศัย ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจเก่า ที่ผ่านมาเจ้าของบ้านขอขึ้นค่าเช่าบ้านพี่สาวจึงไปบอกกับผู้ก่อเหตุซึ่งทราบว่าผู้ก่อเหตุจะย้ายในสิ้นเดือนนี้แต่ก็อ้างว่ามีสิ่งของเยอะขนย้ายลำบาก จึงมาทราบว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงพี่สาวตน
นางศิริวรรณ กล่าวอีกว่าผู้ก่อเหตุเช่าพักอาศัยอยู่ที่เกิดเหตุมากว่า 10 ปี ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งเห็นเล่นแต่อินเตอร์เน็ต
ต่อมาเวลา 14.05 น. ชุดควบคุมพื้นที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตรวจสอบพบว่านายปิยวัฒน์ ใช้อาวุธปืนยิงออกมาทางหน้าต่าง 1 นัด ทาง พ.ต.อ.กุลเชษฐ์ บางพราน ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.ณรงค์ มั่นคง สวป.สน.บางยี่ขัน ขึ้นไปเจรจาต่อรองและสอบถามถึงสาเหตุว่าทำไมใช้อาวุธปืนและเจรจาให้มอบตัว

ต่อมาเวลา 14.23 น. พล.ต.ท.ชาญเทพ วางแผนกับหน่วยอรินทราช จึงเข้าปฎิบัติกาเสียงระเบิดไปป์บอมบ์ดังขึ้น 1 นัดและเสียงกระสุนปืนดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะกว่า 10 นัด ภายหลังสิ้นเสียงปืนชุดปฎิบัติการเข้าเคลียร์พื้นที่พบนายปิยวัฒน์ เสียชีวิตอยู่ในสภาพนอนตะแคง

Advertisement

 

ต่อมาเวลา 15.15 น. พ.ต.อ.กำธร อุ๋ยเจริญ รองผบก.สปพ.นำชุดกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ภายหลังจาก พล.ต.ท.ชาญเทพ มาบัญชาเหตุการณ์อยู่ 5 ชั่วโมง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่เกิดเหตุพบศพผู้หญิง 1 ศพเป็นผู้ดูแลอาคารดังกล่าว และทราบว่าผู้ก่อเหตุอยู่บนชั้น 3 ของอาคาร เมื่อมาถึงจึงจัดชุดเข้าไปพูดคุยต่อรองกับผู้ต้องหา จากการพูดคุยในเบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ยอมจึงประสานหาญาติ ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากญาติไม่มา ทั้งนี้ทางผู้ต้องหาขอเวลาเจ้าหน้าที่ถึงเวลา 15.00 น. ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พยายามพูดคุยเจรจาแต่ผู้ต้องหาไม่ยอมพูดคุยเจรจา จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด จากนั้นเพียง 10 นาทีตนจึงตัดสินใจให้หน่วยอรินทราชเข้า เมื่อเข้าไปและพิสูจน์ทราบตามขั้นตอนพบว่าผู้ต้องหาวิบากกรรมตัวเองเสียชีวิต โดยใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด ส่วนอาวุธปืนตกอยู่ตรงหน้าอกของผู้ตาย

พล.ต.ท.ชาญเทพ ยืนยันอีกด้วยว่าได้ปฎิบัติการตามยุทธวิธีทั้งหมด ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากความเครียดประกอบกับผู้ตายเป็นคนมีนิสัยใจร้อนและมีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองกับผู้ดูแลบ้าน เนื่องจากผู้ตายพักอาศัยอยู่ที่อาคารดังกล่าวมาประมาณ 10 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร คงกินมรดกเก่าและเลิกกับภรรยาที่มีลูกด้วยกัน 2 คน

Advertisement

ส่วนที่ว่าผู้ตายซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุยิงนางศิริพร เป็นอดีตตำรวจเก่าที่หนีคดีมานั้นทาง พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่าขอตรวจสอบประวัติยังไม่ทราบ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อนในประวัติลึกๆ ลงไป และยังไม่ยืนยันว่าเป็นอดีตตำรวจเก่าหรือไม่

พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวต่อว่า การพูดคุยกับเพื่อนบ้านทราบว่าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมาเพื่อนบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้น และประตูห้องล็อค ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนขังตัวอยู่ในห้องพัก ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับลูกชายระบุว่า “พ่อคงอยู่ไม่นาน” พร้อมทั้งเขียนจดหมายลาตายสั่งเสียวางไว้บนหัวเตียง บางส่วนระบุข้อความว่า “ของนี้ถ่ายภาพไว้หมดแล้ว ใครอย่ามาแตะต้องของ”

พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวอีกด้วยว่า เสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้งและมีเสียงดังตามมาอีก 4-5 ครั้งนั้น ยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืน เพียงการใช้สตั๊นบอม ที่จะดังต่อเนื่องกันเป็นเสียงปังปังปัง เป็นไปตามยุทธวิธีของตำรวจเนื่องจากไม่สามารถปล่อยไว้ได้หลังจากมีเสียงปืนเกิดขึ้นมา ตนต้องตัดสินใจระงับเหตุที่อาจก่ออันตรายขึ้นมา การตรวจสอบที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนจำนวน 4 กระบอกซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ต่อไป

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 กรกฎาคม เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 68/14 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 34 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. สน.บางยี่ขัน พบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนางศิริพร โภชนาดา อายุ 63 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่หน้าผาก อยู่บริเวณชั้นล่างของตึกแถว 4 ชั้น ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นชายทราบชื่อนายปิยวัฒน์ เมนศิริฤกษ์ อายุ 57 ปี ยังหลบซ่อนตัวอยู่ภายในที่เกิดเหตุ ทางตำรวจ สน.บางยี่ขัน ปิดล้อมและเกลี่ยมกล่อมคนร้ายให้มอบตัวแต่ยังไม่ยินยอมแต่อย่างใด

เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้เช่าอยู่บ้านที่เกิดเหตุส่วนผู้เสียชีวิตเป็นผู้ดูแลบ้านที่เกิดเหตุ โดยก่อเหตุตั้งแต่เมื่อวานเย็นที่ผ่านมาจนผู้เช่าบ้านหลังดังกล่าวผิดสังเกตุเห็นว่าบ้านปิดไฟเงียบจึงพบศพดังกล่าว ต่อมาเวลา 12.30 น. หน่วยอรินทราช 216 จากกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ(บก.สปพ.) 12 นาย มาที่เกิดเหตุโดยมี พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 เป็นผู้ควบคุมเหตุการณ์ ต่อมา พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.เดินทางมาบัญชาเหตุการณ์ พร้อม พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผบช.น.

นางศิริวรรณ โภชนดา อายุ 62 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่เกิดเหตุ กล่าวว่าผู้ก่อเหตุกับพี่สาวตนมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยในเรื่องการพักอาศัย ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจเก่า ที่ผ่านมาเจ้าของบ้านขอขึ้นค่าเช่าบ้านพี่สาวจึงไปบอกกับผู้ก่อเหตุซึ่งทราบว่าผู้ก่อเหตุจะย้ายในสิ้นเดือนนี้แต่ก็อ้างว่ามีสิ่งของเยอะขนย้ายลำบาก จึงมาทราบว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงพี่สาวตน
นางศิริวรรณ กล่าวอีกว่าผู้ก่อเหตุเช่าพักอาศัยอยู่ที่เกิดเหตุมากว่า 10 ปี ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งเห็นเล่นแต่อินเตอร์เน็ต
ต่อมาเวลา 14.05 น. ชุดควบคุมพื้นที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตรวจสอบพบว่านายปิยวัฒน์ ใช้อาวุธปืนยิงออกมาทางหน้าต่าง 1 นัด ทาง พ.ต.อ.กุลเชษฐ์ บางพราน ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.ณรงค์ มั่นคง สวป.สน.บางยี่ขัน ขึ้นไปเจรจาต่อรองและสอบถามถึงสาเหตุว่าทำไมใช้อาวุธปืนและเจรจาให้มอบตัว

ต่อมาเวลา 14.23 น. พล.ต.ท.ชาญเทพ วางแผนกับหน่วยอรินทราช จึงเข้าปฎิบัติกาเสียงระเบิดไปป์บอมบ์ดังขึ้น 1 นัดและเสียงกระสุนปืนดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะกว่า 10 นัด ภายหลังสิ้นเสียงปืนชุดปฎิบัติการเข้าเคลียร์พื้นที่พบนายปิยวัฒน์ เสียชีวิตอยู่ในสภาพนอนตะแคง

ต่อมาเวลา 15.15 น. พ.ต.อ.กำธร อุ๋ยเจริญ รองผบก.สปพ.นำชุดกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ภายหลังจาก พล.ต.ท.ชาญเทพ มาบัญชาเหตุการณ์อยู่ 5 ชั่วโมง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่เกิดเหตุพบศพผู้หญิง 1 ศพเป็นผู้ดูแลอาคารดังกล่าว และทราบว่าผู้ก่อเหตุอยู่บนชั้น 3 ของอาคาร เมื่อมาถึงจึงจัดชุดเข้าไปพูดคุยต่อรองกับผู้ต้องหา จากการพูดคุยในเบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ยอมจึงประสานหาญาติ ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากญาติไม่มา ทั้งนี้ทางผู้ต้องหาขอเวลาเจ้าหน้าที่ถึงเวลา 15.00 น. ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พยายามพูดคุยเจรจาแต่ผู้ต้องหาไม่ยอมพูดคุยเจรจา จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด จากนั้นเพียง 10 นาทีตนจึงตัดสินใจให้หน่วยอรินทราชเข้า เมื่อเข้าไปและพิสูจน์ทราบตามขั้นตอนพบว่าผู้ต้องหาวิบากกรรมตัวเองเสียชีวิต โดยใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด ส่วนอาวุธปืนตกอยู่ตรงหน้าอกของผู้ตาย

พล.ต.ท.ชาญเทพ ยืนยันอีกด้วยว่าได้ปฎิบัติการตามยุทธวิธีทั้งหมด ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากความเครียดประกอบกับผู้ตายเป็นคนมีนิสัยใจร้อนและมีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองกับผู้ดูแลบ้าน เนื่องจากผู้ตายพักอาศัยอยู่ที่อาคารดังกล่าวมาประมาณ 10 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร คงกินมรดกเก่าและเลิกกับภรรยาที่มีลูกด้วยกัน 2 คน

ส่วนที่ว่าผู้ตายซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุยิงนางศิริพร เป็นอดีตตำรวจเก่าที่หนีคดีมานั้นทาง พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่าขอตรวจสอบประวัติยังไม่ทราบ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อนในประวัติลึกๆ ลงไป และยังไม่ยืนยันว่าเป็นอดีตตำรวจเก่าหรือไม่

พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวต่อว่า การพูดคุยกับเพื่อนบ้านทราบว่าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมาเพื่อนบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้น และประตูห้องล็อค ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนขังตัวอยู่ในห้องพัก ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับลูกชายระบุว่า “พ่อคงอยู่ไม่นาน” พร้อมทั้งเขียนจดหมายลาตายสั่งเสียวางไว้บนหัวเตียง บางส่วนระบุข้อความว่า “ของนี้ถ่ายภาพไว้หมดแล้ว ใครอย่ามาแตะต้องของ”

พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวอีกด้วยว่า เสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้งและมีเสียงดังตามมาอีก 4-5 ครั้งนั้น ยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืน เพียงการใช้สตั๊นบอม ที่จะดังต่อเนื่องกันเป็นเสียงปังปังปัง เป็นไปตามยุทธวิธีของตำรวจเนื่องจากไม่สามารถปล่อยไว้ได้หลังจากมีเสียงปืนเกิดขึ้นมา ตนต้องตัดสินใจระงับเหตุที่อาจก่ออันตรายขึ้นมา การตรวจสอบที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนจำนวน 4 กระบอกซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image