อธิบดีป่าไม้แถลง ยึดไม้เถื่อน โรงเลื่อยน้อง อดีตส.ส.นครปฐม – ส่งปปง.สอบเส้นทาเงิน

จากกรณีพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. สวนรื่นฤดี นายชีวะภาพ. ชีววะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆไพร กรมป่าไม้ นายสมชาย นุชนานนท์นารถ นักวิชาการป่าไม้ ชำนาญการ กรมป่าไม้ พร้อมพวกเข้าปิดล้อมตรวจค้นโรงงานแปรรูปไม้ ริมแม่น้ำท่าจีน เลขที่ 29/2 ม.2 ต.บางไทรป่า อ.บางเลน จ.นครปฐม เป็นของตระกูล สิริยะเสถียร ซึ่งหนึ่งในตระกูลเคยเป็นส.ส.นครปฐมพื้นที่ อ.บางเลน คือนายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีน.ส.ปรียกาญจน์ ผ่านสำแดง อายุ 46 ปี เป็นผู้นำตรวจค้น ก่อนตรวจยึด พบไม้พะยูง ไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ท่อน กว่า 700 ท่อน มูลค่าไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง อาวุธปืนลูกซองยาวแบบ 5 นัด 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 39 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 14 นัด ซึ่งเป็นของนายชำนาญ สิริยะเสถียร อายุ 46 ปี น้องชายของนายก่อเกียรติ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา

 เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 12 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.) นายชลทิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ นายสมชัย มาเสถียร รองอธิบดีกรมป่าไม้  พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.อนุชา กิติวิภาต รอง ผบก.ปทส.  นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดครอบครองไม้มีค่าผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท หลังจับกุมได้ที่โรงเลื่อย อ.บางเลน จ.นครปฐม ของตระกูล “สิริยะเสถียร” โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย หนึ่งในนั้นคือน้องชายของนายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย

นายชลทิศ กล่าวว่า ขณะนี้จากการตรวจสอบพบว่ามีไม้ที่ผิดกฎหมาย อาทิ ไม้พะยูง ไม้ชิงชัน ที่มีราคาแพง จำนวน 2,950 แผ่น โดยจะมีการลักลอบจำหน่ายออกไปยังต่างประเทศ  มีมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 50-100 ล้านบาท ซึ่งขบวนการลักลอบตัดไม้ดังกล่าว จากการสอบสวนพบว่า เป็นขบวนการที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังพบอีกว่ามีบุคคลในบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หลายฝ่าย มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ เพราะไม้ทั้งหมดไม่สามารถจะขนย้ายออกไปต่างประเทศภายในวันเดียวได้  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งหมด ส่วนใบอนุญาตที่ทางผู้ต้องหานำมาสำแดงนั้น ตนเองสั่งพักใบอนุญาตชั่วคราวไว้แล้ว และจะส่งเรื่องเพิกถอนต่อไปอีกด้วย อย่างไรก็ตามยังประสานกับทางเจ้าหน้าที่ ปปง. เข้าตรวจสอบเส้นทางเงินของขบวนการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากพบว่าเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ตามความผิดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.