พิพากษาลงโทษ อ.นิติฯรามคำเเหง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ‘ปม’ ให้ ‘ไอ’ น.ศ.กฎหมาย ป.โท

ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษ อ.นิติฯรามคำเเหง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ให้เกรด “ไอ” น.ศ.กฎหมาย ป.โท ขอดูคะเเนนกลับบ่ายเบี่ยง

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีที่ 2322/2561 ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ และนายประสาร ศรีสุภนันต์ อาชีพทนายความ เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง รศ.ดร.ภูริชญา วัฒนรุ่ง อาจารย์ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานซ่อนเร้นทำลายเอกสาร

กรณีนายประสารฟ้องว่า โจทก์เป็นนักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ สอบไม่ผ่านวิชาบัณฑิตสัมมนา สาขากฎหมายมหาชน ที่มีอาจารย์สอนสามคน จำเลยใช้อำนาจที่เป็นอาจารย์ผู้สอนและเป็นผู้รวมคะแนน ให้เกรด “I” ทำให้โจทก์เรียนไม่จบ และขาดโอกาสในการสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาสนามเล็ก เมื่อขอดูคะแนนจำเลยก็บ่ายเบี่ยง

คดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำคุก 1 ปี รอลงอาญา 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท

Advertisement

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันเเล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงเรื่องการขอดูคะแนนและการที่โจทก์ร่วมขอให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงแก้ไขคะแนนให้เป็นสอบได้นั้น ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้โจทก์ร่วมชนะคดีและมีการแก้คะแนนเป็นสอบได้ไปแล้ว ศาลจึงต้องพิจารณาว่าจำเลยมีเจตนาซ่อนเร้นเอกสารและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์ร่วมเสียหายหรือไม่เห็นว่า เมื่อโจทก์ร่วมได้เกรด I ก็ได้ทำเรื่องร้องเรียนทำเรื่องขอดูคะแนนและใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร คณะกรรมการบัณฑิตศึกษาตรวจสอบแล้วพบว่าอาจารย์ท่านอื่นส่งเกรดในเวลาตามกำหนดและให้คะแนนโจทก์ร่วมในระดับดีแต่จำเลยไม่กรอกคะแนน ครั้งคณะกรรมการบัณฑิต หรือทางมหาวิทยาลัยขอดูคะแนนดิบ จำเลยก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าสมุดคำตอบไม่ได้อยู่ในครอบครองของจำเลยบ้าง หรือ หาสมุดไม่พบบ้าง ทั้งที่เพิ่งสอบไปไม่นาน และมีข้อสังเกตว่า ในวิชาเดียวกันมีนักศึกษาอื่นขาดสอบหรือได้คะแนนไม่ดีจำเลยก็ให้คะแนนสูงกว่า ”I” ที่โจทก์ได้อยู่คนเดียว และจำเลยกลับอ้างว่าโจทก์มีท่าทีก้าวร้าวกับจำเลยซึ่งเป็นผู้บรรยาย สมควรลงโทษทางวินัยนักศึกษา และต้องหักคะแนน จนเรื่องนี้ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการรวมคะแนนดังกล่าว

ศาลเห็นว่าจำเลยเป็นรองศาสตราจารย์ ย่อมทราบถึงภาระหน้าที่ของมหาวิทยาลัยตามกฎหมาย ย่อมรู้ถึงขั้นตอนปฏิบัติในการเปิดเผยสมุดคำตอบและวิธีปฏิบัติตามระเบียบตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร แต่กลับไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องและบ่ายเบี่ยงไม่ให้ดูสมุดคำตอบ หากนักศึกษาทำผิดวินัย จำเลยมีอำนาจเรียกมาตักเตือนหรือตำหนิเชิงลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดคะแนนจากสมุดคำตอบ ข้อเท็จจริงอื่นๆ เจือสมกับพยานโจทก์ปากอื่นๆ ทั้งโจทก์ยัง มี ร.ศ.สุขสมัย สุทธิบดี ผอ.บัณฑิตศึกษาคณะนิติศาสตร์เบิกความสนับสนุนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ได้สมเหตุสมผลเเละมีเอกสารประกอบ

จึงรับฟังได้ ขณะที่พยานฝ่ายจำเลยที่อ้างว่าจำเลยมีอำนาจหักคะแนนนั้นไม่มีหลักฐานไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้

Advertisement

จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและซ่อนเร้นทำลายเอกสารตาม ป.อาญามาตรา 157 และ 158 แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกและรอลงอาญานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะท้ายที่สุดทางมหาวิทยาลัยเองก็เปลี่ยนวิธีการให้คะแนนเสียใหม่ ดังนั้น การลงโทษโดยให้รอการลงโทษจึงไม่เหมาะสมกับกรณี จึงแก้เป็นให้รอการกำหนดโทษไว้เป็นเวลา 3 ปี ให้รายงานตัวกับคุมประพฤติปีละ 1 ครั้ง และให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดๆ อันอาจนำไปสู่การกระทำผิดในทำนองเดียวกันอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image