เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. ได้สั่งการ พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.ดส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.ต.เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ สว.กก.ดส. ร่วมกันนำกำลังตำรวจชป.2 กก.ดส.บช.น. จับกุมตัวนายกรกฎ คำพิพัฒน์ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาพรากผู้เยาว์ โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ในซอยสังคมสงเคราะห์10 แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม น.ส.แพรว แม่ของ ด.ญ.เอ นามสมมุติ อายุ 15 ปี ได้แจ้งความต่อ ตำรวจ สน.พหลโยธิน ว่าลูกสาวติดต่อไม่ได้ หายตัวออกจากบ้านย่านลาดพร้าวหลังขอไปทำรายงานบ้านเพื่อน ต่อมาทางญาติได้โพสต์ข้อความลงในสื่อโซลเชียลให้ตามหาตัวเด็กหาย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาโดยคาดว่าจะหนีไปกับผู้ชายที่รู้จักกันทางแอพพลิเคชั่นบีโกไลฟ์ จากนั้นทางผู้บังคับบัญชาได้ประสานให้ กก.ดส.บช.น. นำโดย พ.ต.ท.จิรกฤต นำกำลังออกสืบสวนสอบสวนติดตามหา ด.ญ.เอ ที่หายตัวไป จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ตำรวจกก.ดส. ได้ทำการติดตามค้นหา กระทั่งพบเบาะแสตัวเด็กหญิงรายนี้ มาอยู่บ้านหลังดังกล่าวกับนายกรกฎ เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลังนี้เป็นเขตพื้นที่กำลังก่อสร้าง และพบตัวทั้งคู่จึงควบคุมตัวสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่าได้รู้จักกับผู้เสียหายทางแอพพลิเคชั่นบีโกว์ไลฟ์มาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงนัดพบกันที่ปากซอยลาดพร้าว 41 และได้พาผู้เสียหายมาที่บ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านที่ผู้ต้องหาทำงานเป็นคนงานก่อสร้างอยู่ และได้กางเต้นท์ใช้เป็นที่หลับนอน ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยไม่มีเหตุอันควร” ก่อนนำตัวนำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.จิรกฤต กล่าวว่า กรณีดังกล่าวอยากฝากเตือนเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ว่ากรณีที่เด็กมีการแชตคุยกันผ่านแอพพลิเคชั่นถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ปกครองต้องใส่ใจ อย่างไรก็ตาม สภาวะสังคมมีปัญหาเกี่ยวกับเด็กเกิดขึ้น เด็กอาจจะไม่เข้มแข็งพอ เพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะ อาจจะทำให้ผลเสียเกิดขึ้นได้ หากเด็กถูกกระทำชำเรา อาจจะส่งผลทำให้เกิดการทำแท้ง เป็นปัญหาสังคมได้ด้วยเช่นกัน ถือเป็นจุดเล็กๆ ที่อาจจะทำให้เป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาในสังคมได้
