พ่อแม่’ปริญญา’ คดี’บิทคอยน์’ พร้อม’บูม’น้องชายพบพงส.กองปราบ ปัดไม่รู้เงิน 90 ล้าน

จากกรณีพนักงานสอบสวนกองปราบปรามออกหมายเรียกผู้ต้องหา 8 รายมาให้ปากคำแก่พนักงานสอบสวน กรณีนายอาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ ร้องเรียนต่อกองปราบฯ หลังถูกหลอกให้โอนเงินสกุลดิจิทัลมูลค่า 797 ล้านบาท โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคดีฉ้อโกง 5 คนและผู้เข้าข่ายโดนข้อหาฟอกเงินอีก 3 คน ซึ่งกลุ่มคดีฟอกเงินประกอบด้วยนางเลิศฉัตรกมล และนายสุวิทธิ์ จารวิจิตร มารดาและบิดาของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิตร หรือบูม ดารานักแสดง ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน หลังพบปริญญามีการโอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 90 ล้านบาทนั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ทนายความของนายวิสิทธิ์ จารวิจิต และนางเลิศฉัตรกลม จารวิจิต บิดาและมารดาของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดงหนุ่ม ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงบิทคอยน์มูลค่า 797 ล้านบาท เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามหลังครบกำหนดตามหมายเรียกในวันนี้


พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า วันนี้ครบกำหนดหมายเรียกครั้งที่ 1 ในส่วนของนายวิสิทธิ์และนางเลิศฉัตรกลม จารวิจิต จะต้องมาให้ปากคำนั้นเป็นเรื่องของเส้นทางการเงิน และการรับโอนเงินจากนายปริญญา จารวิจิต ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนี้ ซึ่งเป็นลูกชายคนโต สำหรับหมายเรียกมาให้ปากคำในคดีนี้มีทั้งหมด 3 ราย ประกอบด้วย นายวิสิทธิ์ นางเลิศฉัตรกลม และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองธรรมนัส นอกจากนี้ยังมีหมายเรียกผู้ต้องหาให้มารับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกง 5 ราย ภายในวันที่ 31 สิงหาคม

ต่อมานายวิสิทธิ์ จารวิจิต และนางเลิศฉัตรกลม จารวิจิต พร้อมนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม เดินทางมาถึงกองปราบปรามโดยเข้าประตูทางด้านหลัง

Advertisement


ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม ดารานักแสดงพร้อมด้วย นายวิสิทธิ์ จารวิจิตร บิดาได้เดินทางกลับหลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนนานร่วม 5 ชั่วโมง โดย นายจิรัชพิสิษฐ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้พนักสอบสวนได้เรียกพ่อและแม่ของตนมาให้ปากคำในฐานะพยานเท่านั้น ในส่วนของตนต้องมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 29 สิงหาคม นี้เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกง

ต่อมา 16.00 น.นางเลิศฉัตรกมล จารวิจิตร พร้อมด้วย นายภูดิท โทณผลิน อายุ 34 ปี ทนายความก็ได้เดินทางกลับ โดยทนายความเปิดเผยว่า ลูกความได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน โดยชี้แจงไปว่าครอบครัวจารวิจิตรได้ประกอบธุรกิจมานานหลายปีทั้งลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ อีกหลายธุรกิจ ที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท ส่วนเงินจำนวน 90 ล้านบาทที่พนักงานสอบสวนแจ้งว่ามีการรับโอนจากนายปริญญา บุตรชายคนโตนั้น ลูกความยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงนายเออาร์นี โดยเงินจำนวนดังกล่าวได้มาจากการทำธุรกิจของครอบครัว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนและลูกความจะกลับไปรวบรวมเอกสารข้อมูลทางธุรกิจและบัญชีการเงินมาประกอบคำชี้แจงให้พนักงานสอบสวนอย่างละเอียด ทั้งวันที่และจำนวนเงินดังกล่าวว่ามาจากการทำธุรกิจใด เบื้องต้นยังไม่ได้มีการนัดหมายกับพนักงานสอบสวนเนื่องจากต้องใช้เวลาในการรวบรวมเอกสาร จากนั้นก็จะติดต่อขอมอบหลักฐานให้ทางพนักงานสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.กล่าวภายหลังการสอบสวนพ่อและแม่ตระกูลจารวิจิตรว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ทั้งคู่ เนื่องจากเรียกมาสอบในฐานะพยานเท่านั้น วันนี้จึงแค่พูดคุยและชี้แจงประเด็นการรับโอนเงิน 90 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 คนก็ได้ให้การปฏิเสธ ส่วนคำให้การของทั้งสองคนนั้นไม่ขอเปิดเผยเพราะอยู่ในสำนวนคดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image