เหยื่อโกงแชร์เฟซบุ๊ก แจ้งจับเท้าเชิดเงินหนี กว่า 100 ล้าน แฉโพสต์ซื้อบ้าน-รถหรู

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 20 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) มีกลุ่มผู้เสียหายแชร์เฟซบุ๊กเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.2 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.นันท์นภัส (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชาชน

โดย น.ส.ลักขณา สมสีแสง อายุ 29 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือน พฤษภาคม 2558 มีคนแนะนำให้เล่นแชร์ออนไลน์ในเฟซบุ๊กชื่อ “Siri Nun” โดยมี น.ส.นันท์นภัส เป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก และเท้าแชร์ โดยมีสมาชิกกว่า 200 คนทั่วประเทศ น.ส.นันท์นภัสจะตั้งกลุ่มแชร์รายวัน วันละกว่า 20 วง วงละ 10 คน แต่ละวงจะมีการตั้งเงินไว้ตั้งแต่ 10,000-600,000 บาท โดยได้ดอกเบี้ยร้อยละ 14 โดยประมาณ ลงเงิน 1,000,000 บาท จะได้ดอก 100,000 บาท แถมทอง 1 สลึงด้วย และจะปันผลคืนเงินต้นและดอกเบี้ยทุก 1 เดือน

“ตั้งแต่กลางปีเริ่มลงเงินเล่นแชร์และได้เงินกับดอกเบี้ยมาตลอด เห็นว่าได้เงินแน่นอน จึงไปบอกพี่ๆ น้องๆ และเพื่อน เอาเงินลงไปประมาณ 30 ล้านบาท โดยเป็นเงินของตนประมาณ 10 ล้าน กระทั่งช่วงเดือนธันวาคม 2558 เท้าแชร์หายไปและไม่ตอบกลับใดๆ แต่เฟซบุ๊ก “Siri Nun” ยังเปิดไว้อยู่ จึงรู้ว่าโดนโกงแน่นอน และสมาชิกในกลุ่มเริ่มจับกลุ่มและหาข้อมูลของผู้ต้องหา ก่อนรวมตัวกันมาแจ้งความที่ บก.ปอท. ที่เจ็บใจที่สุดคือ ในเฟซบุ๊กของญาติพี่น้องของ น.ส.นันท์นภัส ลงรูปซื้อรถและบ้าน รวมทั้งเที่ยวและรับประทานอาหารหรูมาตลอด ทำให้รู้ว่าไม่น่าเสียเหลี่ยมให้หลอกเลย รวมมูลค่าที่สมาชิกกว่า 200 คน โดนโกงไปกว่า 100 ล้านบาท จึงอยากให้ตำรวจจับตัวมาดำเนินคดีให้ได้

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องการรวมกลุ่มเล่นแชร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก อ้างว่ามีผลตอบแทนสูง เมื่อมีผู้หลงเชื่อจะจ่ายเงินปันผลให้ตามคำกล่าวอ้างในตอนแรกๆ ทำให้ผู้เสียหายคิดว่าได้เงินแน่นอน จึงเริ่มชักชวนคนใกล้ตัวมาลงทุนด้วย เมื่อเริ่มมีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะปิดเฟซบุ๊กรวมทั้งช่องทางการติดต่ออื่นๆหลบหนีไป จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่าผู้เสียหายมีอยู่ทั่วประเทศและไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน จึงอยากฝากเตือนการลงทุนด้านการเงิน ต้องทำกับคนที่เคยพบหน้ากันและร่างหนังสือสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อพบเจอคำเชิญชวนลงทุนที่ให้ผลตอบแทนจำนวนมากให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการหลอกลวงไว้ก่อน สำหรับคดีดังกล่าวทาง กก.2 บก.ปอท.จะสอบปากคำเบื้องต้น หากพบว่าเป็นเรื่องแชร์ลูกโซ่ จะส่งต่อคดีไปยังหน่วยงานกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ที่ดูแลเรื่องแชร์โดยตรง เบื้องต้นรับแจ้งความไว้ และผู้ต้องหาน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image