เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 กันยายน ที่ห้องประชุมอินทรภูวศักดิ์ ชั้น 8 อาคารนราธิปพงศ์ประพันธ์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สยศ.ตร.) ในฐานะประธาน และ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมด้วยคณะทำงานและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและเอกชน ประชุมติดตามผลการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ครั้งที่ 4 โดยมีหลายหัวข้อการประชุมที่สำคัญ อาทิ แนวทางแก้ไขปัญหาจราจรที่มาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าหลายสาย รวมถึงการสำรวจหาที่จอดรถของเอกชน
พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เรื่องในที่ประชุมวันนี้มี 3 ประเด็นหลักคือ การแก้ไขปัญหาจราจรที่ถนนรามคำแหง โดยตำรวจนครบาลได้สำรวจที่จอดรถในย่านมีนบุรี เพื่อรองรับรถยนต์วันละ 700-800 คัน ขณะนี้ได้พื้นที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นบริเวณคอมมูนิตี้มอลล์พาซิโอ ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะจัดเตรียมรถชัทเทลบัสรับส่งในช่วงเช้าและเย็นไว้ให้
“สัปดาห์หน้า สถาบันนิด้าจะสำรวจจำนวนผู้ที่นำรถส่วนตัวมาใช้ในถนนรามคำแหง พร้อมสำรวจความต้องการของประชาชน หากพื้นที่ไกล ไปจอดไม่สะดวกก็ต้องปรับเปลี่ยน โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติเรื่องการเพิ่มจำนวนรถชัทเทิลบัสเพื่อไม่ให้รถมาสะสมในจุดวิกฤต” พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวและว่า ทั้งนี้ จะเพิ่มรถเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องลดจำนวนรถโดยสารปกติด้วยโดยไม่ส่งผลกระทบกับผู้ใช้บริการ
พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวว่า ประเด็นถัดมาคือ การปาดทางที่ถนนรัชดาภิเษกบริเวณหน้าศาล ซึ่งขณะนี้เรียบร้อย แต่การเดินสัญญาณไฟค่อนข้างล่าช้า จึงใช้วิธีพาดสายกลางถนน โดยตนได้สั่งในที่ประชุมว่าให้ผู้รับเหมาจัดการแล้วเสร็จในวันที่ 20 กันยายน ส่วนการเพิ่มระยะทางเรือคลองแสนแสบยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องสำรวจความต้องการว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการลงทุน
สำหรับการแก้ไขปัญหาจราจรจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) ด้วยการขยับจุดจอดรถประจำทางชั่วคราวนั้น พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวว่า ทุกจุดต้องมีการเร่งประชาสัมพันธ์ว่าอย่าให้รถจอดแช่
พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวด้วยว่า การเพิ่มที่จอดรถของเอกชนเป็นแผนระยะสั้น หลังการประชุมครั้งต่อไปจึงจะเห็นผลได้
