วันที่ 21 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดในอ.เทพา จ.สงขลา ในส่วนของการสอบสวนมีรายงานว่าทางพนักงานสอบสวน สภ.เทพา ได้ทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้ว 4 ปาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีโดยเฉพาะเบาะแสของคนร้ายซึ่งมีพยานเห็นคนร้ายที่ก่อเหตุแต่จำใบหน้าได้ไม่ชัดโดยขับรถจักรยานยนต์มา 3 คันหนึ่งในนั้นเป็นรถประกอบระเบิด และขับหลบหนีไปตามเส้นทางถนนสายเอเชียมุ่งหน้าเข้าสู่ อ.โคกโพธิ์หรือไม่ก็ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีอย่างน้อย3 คน นอกจากนี้ยังทางพนักงานสอบสวนได้ส่งวัตถุพยานจากที่เกิดเหตุไปตรวจพิสูจน์ทั้งลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอซซึ่งกำลังรอผลการตรวจหากตรงกับใครก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที
ในส่วนของความคืบหน้าของฝ่ายสืบสวนขณะนี้ยังคงมุ่งไปที่การแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายโดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจ.สงขลากับจ.ปัตตานี โดยเหตุระเบิดที่อ.เทพา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเผยว่าเป็นไปได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมระดับปฏิบัติการ 3 กลุ่มทั้งในพื้นที่อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และอ.เทพา จ.สงขลา และเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่วางระเบิดหน้าสถานีรถไฟจะนะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพอที่จะรู้ตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยเพียงแต่ต้องนำพยานและหลักฐานมาประกอบ
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุก่อความไม่สงบขึ้นในพื้นที่จ.สงขลาต่อเนื่องขึ้น 3 ครั้งในพื้นที่จ.สงขลา ทั้งยิงร้านก๋วยเตี๋ยวและวางระเบิดล่อเจ้าหน้าที่ในอ.สะบ้าย้อย เมื่อวันที่ 24 มีนาคม วางระเบิดสถานีรถไฟจะนะ เมื่อวันที่11 เมษายนและล่าสุดวางระเบิดร้านขายของชำที่อ.เทพา ทำให้กองบังคับการตำรวจภูธรจ.สงขลา ต้องยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบสูงสุดในพื้นที่เสี่ยงที่อาจตกเป็นเป้าหมาย โดยเฉพาะ4 อำเภอคืออ.เมือง หาดใหญ่ สะเดา และนาทวี ซึ่งยังไม่เกิดเหตุการณ์เนื่องจากพฤติการณ์ของคนร้ายลงมือก่อเหตุในลักษณะหมุนเวียนไม่ซ้ำพื้นที่ โดยเน้นเฝ้าระวังย่านเศรษฐกิจ สถานีขนส่งทุกแห่งที่อาจตกเป็นเป้าหมาย
เนื่องจากในเดือนนี้ซึ่งเป็นเดือนอันตรายเนื่องจากมีวันสำคัญเชิงสัญลักษณ์ ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น การจัดทำธรรมนูญ ของขบวนการ BERSATU ในวันที่ 26 เมษายน วันกบฎดุซงญอ ระหว่าง 25-28 เมษายน รวมไปถึงเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ ในวันที่ 28 เมษายน ในส่วนของพื้นที่อำเภอหาดใหญ่กำลังเจ้าหน้าที่อส.ได้ตั้งจุดตรวจเข้มหน้าศาลเจ้าพ่อเสือถนนนิพัทธิ์อุทิศ2 เพื่อตรวจสอบรถต้องสงสัยทุกประเภทก่อนที่จะเข้าไปในย่านการค้าใจกลางเมืองและคุมเข้มต่อเนื่องตลอด24 ชม.
ด้าน นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล อดีต สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) สาเหตุเกิดจากปัจจัยโดยรวมที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดย แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ได้ เปิดเกมรุกต่อการปฏิบัติการของ แนวร่วม สมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ในพื้นที่ ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ทั้งการ ปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ทั้งในพื้นที่ราบและ ป่าเขา ทำให้ แนวร่วม ทำการตอบโต้ เจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการ ขยายพื้นที่ก่อเหตุ ใน 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา รวมทั้ง อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจและเมืองชายแดน
สำหรับ 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ ซึ่งมีจุดอ่อน เนื่อง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มอบหมายให้ ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ จึงกลายเป็น จุดอ่อน ให้ แนวร่วม หาช่องว่าง ในการก่อเหตุ เพื่อ เป็นการ ตอบโต้ ให้เจ้าหน้าที่ทหาร คลายวงล้อม หรือ ปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัด ที่ แนวร่วม กำลังถูกรุกหนักจากเจ้าหน้าที่ รวมทั้งแนวร่วมได้นำเอาประเด็นของการที่รัฐบาลประกาศว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งมีประชาชนไม่เห็นด้วย นำเข้ามาเป็นปัจจัยในการร่วมมือกับภาคประชาสังคม เพื่อทำการต่อต้านโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่ง กอ.รมน. จะต้องนำมา วิเคราะห์ และทำการปิดจุดอ่อนที่เกิดขึ้น
