“ทนายตั้ม” งานเข้าแล้ว!! มติเอกฉันท์สภาทนายความ สอบมรรยาท ตามที่ “อัจฉริยะ” ร้อง

เมื่อเวลา 14.00 น.  วันที่ 28 กันยายน  นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสภาทนายความ ฯ (บอร์ดชุดใหญ่) เสร็จสิ้นช่วงเที่ยงว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสภาทนายความฯ วันนี้ ก็ได้นำเรื่องที่  นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือร้องเรียน (ยื่นเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา)เพื่อขอให้สภาทนายความฯ ดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีการเรียกเงินจากพ่อค้า – แม่ค้าส่งออกกุ้ง ใน จ.สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม จำนวน 500,000 บาท เป็นค่าดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางคดี เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาว่าจะให้มีการตั้งเรื่องสอบมรรยาททนายความหรือไม่ ซึ่งวันนี้คณะกรรมการบริหารฯ ที่มี  ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร  นายกสภาทนายความฯ เป็นประธาน ได้เข้าประชุมทั้งสิ้น 23 คนจากจำนวนเต็มทั้งหมด 25 คน ซึ่งที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียงทั้งสิ้น 23 คน เห็นว่า ให้รวบรวมข้อร้องเรียนส่งให้ประธานกรรมมารยาททนายความ พิจารณาประเด็นนั้นตามขั้นตอนว่ามีมูลการประพฤติว่าผิดมรรยาททนายความหรือไม่

นายสรัลชา อธิบายถึงขั้นตอนและระยะเวลาดำเนินการการสอบมรรยาททนายความว่า หลังจากที่บอร์ดบริหารสภาทนายฯ ชุดใหญ่ มีมติแล้วก็ต้องมีหนังสือแจ้งให้นายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ประธานกรรมการมรรยาททนายความ สภาทนายความฯ ทราบภายใน 7 วันซึ่งวันจันทร์ที่ 1 ต.ค.เราจะทำเอกสารแจ้งให้ทราบต่อไป

“หลังจากประธานกรรมการมรรยาทฯ ได้รับหนังสือและเอกสารการร้องเรียนแล้ว ก็จะพิจารณารับคำร้อง และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้โอกาสทนายความที่ถูกกล่าวหาชี้แจงเต็มที่ ซึ่งกระบวนในขั้นตอนจะใช้เวลาเท่าใดขึ้นกับประธานกรรมการมรรยาทฯ จะดูแลควบคุมให้เป็นไปตามขั้นตอนของข้อบังคับสภาทนายความว่าวิธีพิจารณาคดี มรรยาททนายความและเมื่อใดคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมรรยาททนายความ มีความเห็นและมติอย่างใดแล้ว หลังจากนั้นภายใน 30 วันก็จะต้องส่งผลให้ “คณะกรรมการบริหารสภาทนายความฯ” ชุดใหญ่ 25 คน พิจารณาและลงมติชี้ขาดเป็นชั้นสุดท้าย โดยบอร์ดบริหารสภาทนายความฯ ชุดใหญ่นี้จะต้องพิจารณาและมีมติภายใน 60 วันหลังจากรับรายงานผลสอบมา”
นายสรัชชา กล่าวว่า โดยบทลงโทษการผิดมรรยาททนายความนั้นมี 3 ระดับ 1.การภาคทัณฑ์ 2.กานพักใช้ใบอนุญาตว่าความ ระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี และหากผิดร้ายแรงบทลงโทษระดับที่ 3 คือการลบชื่อออกจากบัญชีการประกอบวิชาชีพทนายความจากสภาทนายความ ซึ่งข้อกล่าวหาที่นายอัจฉริยะยื่นร้องเรียนมานั้นเรียกได้ว่าเข้าลักษณะร้ายแรงกล่าวหาการเรียกรับเงิน แต่อย่างไรก็ดีทนายที่ถูกกล่าวหาสามารถใช้โอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงได้เต็มที่ ซึ่งการสอบข้อเท็จจริงนั้นก็ต้องฟังความทั้ง 2 ฝ่ายและเป็นไปได้ที่จะต้องเรียกกลุ่มผู้ค้ากุ้งมาสอบถามข้อเท็จจริงประกอบด้วยเมื่อถามว่า ขณะนี้นายอัจฉริยะ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนนายษิทรา มาแล้วกี่เรื่อง

เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า ปัจจุบัน มีเรื่องกลุ่มผู้ค้าส่งออกกุ้งเพียงเดียว โดยก่อนหน้านี้นายอัจฉริยะ เคยบอกว่ามี 2-3 เรื่องที่ตรวจสอบ แต่ที่ส่งรายละเอียดให้สภาทนายความฯ ตรวจสอบขณะนี้มีเรื่องเดียว ที่ยังไม่ใช่ข้อกล่าวหากุ้งมังกรตัวละหลายหมื่นที่กำลังเป็นข่าว

 

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image