จับผัวเมียต่างด้าว สวมบัตรด.ช.5 ขวบตายไปแล้ว มาตั้งบ.ทัวร์

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 28 กันยายน ที่สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย(สน.จรเข้น้อย) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศปอส.ตร.) พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 พร้อม พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง พ.ต.อ.วรณัฏฐ์ ผันผ่อนรองผบก.ทท.1 บช.ทท. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท.2 บช.ทท. พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ.บช.น. พ.ต.อ.นพรัตน์ สินมา รองผบก.น.3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงจับกุมนายกฤตภาศ เจริญฤทธิชัยกุล 46 ปี พร้อมด้วยนางกวงถ่วน แซ่หย่าง อายุ 48ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.891/2561 และ จ.892/2561 ตามลำดับ ลงวันที่ 27 กันยายน 2561 ในข้อหาร่วมกันแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ แจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตร โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริษัท ตงหลินทัวร์(ไทยแลนด์) จำกัด ถนนลาดกระบัง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า มีบุคคลต่างชาติเข้ามาสวมบัตรประชาชนคนไทยหรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้มาซึ่งบัตรประชาชนคนไทยและสิทธิตามกฎหมายแล้วมาประกอบธุรกิจต่างๆ ในราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะการทำธุรกิจนำเที่ยว ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงได้สั่งการให้สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดในลักษณะด้งกล่าว โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายกฤตภาศ มีการสวมบัตรของ ด.ช.เส่อ แสนโซ้ง ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งมีบิดาชื่อ นายตั้ง แซ่โซ้ง มีมารดาชื่อ นางหยู แสนย้าง(นามสกุลเดิม) ตามสำเนาสูติบัตรที่ออกให้โดยสำนักทะเบียนตำบลสันทะ ซึ่งได้เสียชีวิตเมื่ออายุประมาณ 5 ขวบ โดยนายตั้ง บิดาให้การยืนยันว่าบุตรของตัวเองได้เสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งการตาย และยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนายกฤตภาศมาก่อน

จากการตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียนของนายกฤตภาศ ทราบว่ามีชื่อเดิมว่านายเส่อ แสนโซ้ง มีภูมิลำเนาเดิมขณะแจ้งเกิดอยู่ที่บ้านเลขที่ 57 ม.11 ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน มีการทำบัตรประจำตัวประชาชนและย้ายที่อยู่จำนวนหลายครั้ง โดยครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2540 ได้แจ้งทำบัตรโดยใช้ชื่อนายเส่อ แสนโซ้ง ที่อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย วันที่ 31 ก.ค. 2544 ทำบัตรใหม่ชื่อนายเส่อ แสนโซ้ง ที่เขตประเวศ กทม. วันที่ 27 ก.ย. 2545 และวันที่ 26 เม.ย. 2548 ทำบัตรใหม่ชื่อนายกฤตภาศ เจริญฤทธิชัยกุล ที่อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี วันที่ 28 ส.ค. 25551 ทำบัตรใหม่ ชื่อนายกฤตภาศ เจริญฤทธิชัยกุล ที่อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2556 ทำบัตรใหม่ชื่อ นายกฤตภาศ เจริญฤทธิชัยกุล ที่เขตลาดกระบัง กทม. โดยมีนางกวงถ่วน แซ่หย่าง ภรรยาเป็นผู้รับรองการทำบัตร นอกจากนี้นายกฤตภาศ ยังเป็นกรรมการบริษัทตงหลินทัวร์(ไทยแลนด์) จำกัด ประกอบธุรกิจจัดนำเที่ยว ทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 2654/65 ถ.ลาดกระบัง แขวงและเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ จึงได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพงส.สน.จรเข้น้อยรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับที่จ.891/2561 และจ.892/2561 ลงวันที่ 27 กันยายน 2561 และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ในส่วนของปลัดอำเภอพญาเม็งราย จ.เชียงราย ผู้ที่เป็นคนจดทะเบียนให้นายกฤตภาศขณะนี้ได้ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว และมีการดำเนินคดีอาญารวมถึงความผิดตามมาตรา 157 และหลังจากนี้ทางตำรวจจะส่งเรื่องไปยังกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาติประกอบธุรกิจนำเที่ยวกับบริษัทดังกล่าว และจากแนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหานั้นเคย ประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์เมื่อปี 2540 ถึง 2550 ก่อนที่จะผันตัวเองมาตั้งบริษัทเมื่อปี 2556 จดทะเบียนประกอบธุรกิจท่องเที่ยวจัดตั้งบริษัทเอง อย่างไรก็ตามจากการที่ตำรวจทราบข้อมูลการแจ้งรายได้ของบริษัทดังกล่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำให้ต้องมีการขยายผลอย่างต่อเนื่องว่าบริษัทดังกล่าวนั้น มีการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดก็จะต้องดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว

Advertisement

ด้านผู้แทนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวพบว่ามีการจดทะเบียนโดยเริ่มต้นทุนจดทะเบียนขั้นต่ำหนึ่งล้านบาทก่อนที่จะมีการเพิ่มทุนอีกหนึ่งล้านบาท รวมเป็นสองล้านบาท ทั้งนี้จากการตรวจสอบรายได้เมื่อปีที่ผ่านมาพบว่ามีรายได้สูงถึง 36 ล้านบาท และมีการแจ้งว่าได้กำไรสุทธิ 4ล้านบาท

ขณะที่ผู้แทนของกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวนั้นเริ่มมีการจดทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตั้งแต่ปี 2556 โดยล่าสุดได้มีการขอต่อใบอนุญาตเมื่อปี 2560 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการขาดต่อใบอนุญาต ในส่วนของรายนามของผู้จดทะเบียนนั้นพบว่าบริษัททั้งหมดนั้นจดทะเบียนด้วยคนไทย ซึ่งหลังจากนี้จะต้องทำการตรวจสอบว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ นั้นมีการสวมบัตรประชาชนหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากมีการเพิกถอนบัตรประชาชนของผู้ถือหุ้น ก็จะมีการเพิกถอนใบอนุญาตตามขั้นตอนต่อไป

เบื้องต้นนายกฤตภาศ และนางกวงถ่วน รับสารภาพว่าเมื่อปี 2540 ได้ทำบัตรประชาชนปลอม ซึ่งมีบุคคลพาไปทำบัตรในราคา 8,000 บาท ที่จ.เชียงราย อย่างไรก็ตามจากการที่ตำรวจนั้นได้เร่งรัดกวดขันจับกลุ่มผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะของการสวมบัตรประชาชนซึ่งได้มีการจับกุมมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับประสานข้อมูลกับทางกระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการเร่งรัดป้องกันส่วนหนึ่งซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีผู้กระทำความผิดลักลอบสวมบัตรประชาชนมากถึง 8000 ราย ซึ่งจะดำเนินการขยายผลจับกุมต่อไป

Advertisement

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาในความผิดฐาน ร่วมกันแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ แจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตร ก่อนนำตัวส่งพงส.สน.จรเข้น้อย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image