ครบรอบ 16 ปี ดีเอสไอ อธิบดีไพสิฐ นำปฏิญาณต้านทุจริต โชว์สางคดีเสร็จกว่า 2 พันคดี(คลิป)

ครบรอบ16 ปี ดีเอสไอ อธิบดีไพสิฐ นำทัพปฏิญาณต้านทุจริต สางคดีเสร็จกว่า 2 พันคดี มูลค่ากว่า 4 แสนล้าน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ตุลาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล พ.ต.ท. กรวัชร์ ปานประภากร นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ นายมณฑล แก้วเก่า รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ  ร่วมปฏิญาณตนต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมสอบสวนคดีพิเศษ ครบรอบปีที่ 16 พร้อมทั้งจัดพิธีสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์ และถวายภัตตาหารแด่ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เจ้าคณะภาค 2 และกรรมการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วยพระสงฆ์สมณศักดิ์ รวมจำนวน 10 รูป

พ.ต.อ.ไพสิฐ  กล่าวว่า ดีเอสไอเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2545 โดยมีภารกิจเกี่ยวกับการป้องกัน ปราบปราม และควบคุมคดีพิเศษที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และความปลอดภัย และเน้นดำเนินคดีเพื่อปกป้องและรักษารายได้ของรัฐ รวมทั้งป้องกัน ปราบปราม ขบวนการทุจริต และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เป็นเครื่องมือสำหรับการปฏิบัติงาน

Advertisement

พ.ต.อ.ไพสิฐ  กล่าวว่าด้วยว่า ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ดีเอสไอมีการปรับปรุงภารกิจและอำนาจหน้าที่เพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจุบัน มีการแบ่งส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2560 และปรับปรุงการปฏิบัติงาน ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การมุ่งเน้นการปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพ 2.ทำคดีพิเศษให้มีความชัดเจนไม่ซ้ำซ้อนกับงานตำรวจ และ 3.อำนวยความยุติธรรมคดีอาญาอื่นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งได้นำนโยบายดังกล่าวมาเป็นกรอบในการทบทวนบทบาทหน้าที่ด้านงานคดีพิเศษ และปรับลดงานคดีพิเศษที่หมดความจำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวนและสอบสวนโดยใช้วิธีการพิเศษจากเดิมที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายจำนวน 37 ฉบับ กว่า 100 ฐานความผิด เหลือเพียง 23 กฎหมาย ประมาณ 50 ฐานความผิด ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษได้เห็นชอบตามแนวทางดังกล่าวแล้วและอยู่ระหว่างออกประกาศ กคพ.กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เพื่อใช้บังคับต่อไป

พ.ต.อ.ไพสิฐ  กล่าวว่าอีกว่า 16 ปี ดีเอสไอมีการสอบสวนดำเนินคดีพิเศษไปแล้วถึง 2,531 คดี โดยดำเนินการสอบสวนเสร็จแล้ว 2,162 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 369 คดี นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่รับไว้สืบสวนก่อนรับเป็นคดีพิเศษ ถึง 2,778 เรื่อง ดำเนินการเสร็จแล้ว 2,662 เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 116 เรื่องโดยคดีพิเศษที่ดำเนินการแล้วเสร็จนั้น เมื่อนำมาคำนวณมูลค่าความเสียหายผลประโยชน์ ที่ปกป้อง รักษา เรียกคืนให้แก่รัฐ เอกชน และประชาชนแล้ว มีมูลค่าถึง 400,821 ล้านบาทเศษ ในขณะที่ แต่ละปีดีเอสไอใช้งบประมาณเฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านบาทเศษ เท่านั้น

Advertisement

พ.ต.อ.ไพสิฐ  กล่าวว่าด้วยว่า ในระยะเวลา 5 – 10 ปี ข้างหน้าดีเอสไอได้กำหนดทิศทางการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลมุ่งเน้นการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน สอบสวนอาชญากรรมที่มีลักษณะพิเศษในหลาย ๆ ด้าน รวมทั้งให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม การกู้ยืมเงินอันเป็นการรฉ้อโกงประชาชน และระบบสถาบันการเงิน การฟอกเงิน  การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ  ทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน Thailand 4.0 ในอนาคต จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้เท่าทันกับอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึง ให้เกิดการพัฒนาในเรื่องความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนสอบสวน และมุ่งสร้างคนที่มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา อย่างเป็นรูปธรรม สอดรับกับการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำงานเป็นทีมในรูปแบบ “สหวิชาชีพ”

พ.ต.อ.ไพสิฐ  กล่าวว่าต่อว่า นอกจากนั้นแล้วจะมุ่งเน้นในเรื่องการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค ในกลุ่มประเทศอาเซียนและกลุ่มประเทศอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นคดีพิเศษร่วมกันต่อไป รวมถึงการสนับสนุนบุคลากร องค์ความรู้ ให้กับส่วนราชการอื่น ๆ เพื่อร่วมกันป้องกัน ปราบปราม อาชญากรรมอื่น ๆ เพื่ออำนวยความยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมต่อไป

  “สำหรับการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบแก่รองอธิบดีดีเอสไอเพื่อสั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีดีเอสไอนั้น ได้คำนึงถึงหลักการสหวิชาชีพตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม โดยรองอธิบดีทุกคนจะได้รับมอบอำนาจหน้าที่ในการสั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดี ทั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่สนับสนุนการสืบสวนสอบสวน รวมถึงภารกิจอื่น ๆ เช่น งานผู้บริหารด้านการเงิน งานผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง งานผู้บริหารด้านจัดการองค์ความรู้ และงานผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงด้วย”พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว


QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image