“ตาต้า” ซัด “อส.ออย” กับพวกอ้างเป็น ตร.บังคับยิงหมีขอ “ศรีวรา” สั่ง พฐ.พิสูจน์ซากพบใหม่ จี้ตามกะเหรี่ยงหลบหนีอีกคน ยืนยันไม่แจ้งข้อหาเด็กซ่อนปืน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พนักงานสอบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน , เจ้าหน้าที่อุทยานฯไทรโยค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุมและดำเนินคดี นายวัชรชัย สมีรักษ์ อดีตปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย กับพวก 12 คน ผู้ต้องหาล่าสัตว์ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ล่าสุด ภายหลังนายอนุสรณ์ เรือนงาม หรือ อส.ออย หนึ่งในผู้ต้องหาได้ให้การซัดทอดชาวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา 2 คน ประกอบด้วยนายจิระ และ นายตาต้า จนเมื่อวานนี้สามารถติดตามตัวนายตาต้ามาสอบปากคำพร้อมออกหมายจับได้ในที่สุด ก่อนพนักงานสอบสวนจะพาตัวนายตาต้า และนายอนุสรณ์เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อขยายผลความคืบหน้าทางคดีดังกล่าว
พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (10 ตุลาคม) ได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่มีการจับกุมผู้ต้องหา 11 คน วันแรก พบกลิ่นเหม็นโชยออกมา จึงได้ตรวจพื้นที่อย่างละเอียด และพบถุงดำบรรจุซากศพหมีขออยู่ในบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นจึงได้นำส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ได้พานายตาต้าไปชี้จุดเกิดเหตุที่มีการยิงหมีขอห่างจากบริเวณวัด 400 เมตร ซึ่งพบปลอกกระสุนขนาด .22 แต่ไม่พบคราบเลือดหมีขอเนื่องจากเป็นช่วงที่มีฝนตก ซึ่งนายตาต้ายอมรับว่าได้เป็นคนยิง โดยเข้าไปพร้อมกับนายอนุสรณ์ และนายสกานต์ แก่งหลวง อส.อีกคน โดยทั้ง 2 คนได้อ้างตัวเป็นตำรวจ และบังคับให้นายตาต้าเป็นคนยิง เมื่อนำกลับมายังที่ตั้งแคมป์ ภายในสำนักสงฆ์เหมืองเต่าดำนายตาต้า พร้อมนายจิระและภรรยานายจิระ เป็นผู้ชำแหละเนื้อหมีขอก่อนจะนำเครื่องในและหัวของหมีขอนำไปทิ้งลงแม่น้ำ บางส่วนบรรจุใส่ถุงดำ และนายอนุสรณ์ก็เป็นคนนำไปทิ้งในจุดที่เจ้าหน้าที่พบดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบว่านอกจากล่าหมีขอแล้วกลุ่มนี้ยังมีการล่ากบภูเขา 4 ตัว อีกด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนปืน 2 กระบอก ชนิด .38 และ 11 มม.ที่ตำรวจสามารถตรวจยึดเพิ่มเติมได้นั้น เบื้องต้นนายอนุสรณ์ได้ยืนยันแล้วว่าเป็นของ น.ส.ศรีวิจิตร ดิษฐ์แช่ม กับ นายทัศดนัย ขอกระโชก ซึ่งทั้งสองได้ยิงปืนในบริเวณที่มีการพบปลอกกระสุน 2 ชนิดเพื่อต้องการแก้บนตามที่มีคำกล่าวอ้างก่อนหน้านี้
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ขณะนี้สรุปแล้วว่าได้พยานวัตถุมาครบตามคำรับสารภาพของผู้ต้องหา ขาดเพียงหัวที่ถูกทิ้งลงแม่น้ำ นอกจากนี้ ชิ้นส่วนที่พบใหม่ที่ต้องตรวจสอบว่าตรงกับดีเอ็นของขาหมีขอทั้ง 4 ขาหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณารวบรวมหลักฐานพยานแวดล้อม แต่ยืนยันว่าสามารถแจ้งข้อหาได้ทุกคน ได้ทุกข้อกล่าวหารวมถึงเร่งติดตามตัวนายจิระมาดำเนินคดีและสรุปสำนวนสีงให้อัยการสั่งฟ้องได้ภายใน 4 ฝาก นอกจากนี้ในส่วนของกระแสข่าวที่ออกมาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาแก่เด็กชายที่ซ่อนปืน .38 และปืน 11 มม. ในวันเกิดเหตุนั้นยืนยันว่าไม่มีการแจ้งขอหาเด็กแน่นอน เร่งติดตามตัวนายจิระมาดำเนินคดีต่อไป
รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนและอัยการจะสามารถสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้ทุกคน ทุกข้อหา ยกเว้นนายจีระ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี ส่วนการที่นายตาต้ารับสารภาพว่าเป็นผู้ยิง จะทำให้ผู้ต้องหารายอื่นๆ รับโทษน้อยลงหรือไม่นั้น ตนตอบไม่ได้ เป็นดุลยพินิจของศาล และยืนยันว่าหมีขอจะไม่ตายฟรี เนื่องจากมีพยานวัตถุ พยานบุคคล ครบถ้วน สามารถทำให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีการกระทำความผิดจริง มั่นใจจะเอาผิดได้ทุกคน ทุกข้อหา
สำหรับแนวทางจากการสืบสวนคดีนี้คืบหน้ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 14 คน และจับได้แล้ว 13 ขาดเพียงนายจิระ ชาวเมียนมาอีกหนึ่งคนที่ยังคงหลบหนีอยู่ ซึ่งทั้ง 14 คนได้ต้องข้อหาในคดีดังกล่าวคือ 1. ร่วมกันเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ยางไม้ น้ำมันยาง นำมันสน แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ 2.ร่วมกันนำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ 3.ร่วมกันล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งมิได้เป็นการกระทำโดยทางราชการ ที่ได้รับการยกเว้นฯ
4.ร่วมกันมีไว้ ครอบครอง ซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต 5.ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยการกระทำความผิด 6.ร่วมกันเก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ 7.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
