ตร.ปิดแฟ้มคดีแหม่มอ้างถูกข่มขืนบน เกาะเต่า ชี้ข้อมูลไม่พอ-ให้การไม่ตรง -ไม่พบอสุจิ

ปิดแฟ้มคดีแหม่มมโน กุข่าวถูกข่มขืนบนเกาะเต่า ข้อมูลไม่พอ-ให้การไม่ตรง พฐ.ตรวจหลักฐานไม่พบอสุจิ ตำรวจยันไม่แจ้งความกลับ ย้ำยินดีทำคดีต่อหากได้หลักฐานใหม่

เมื่อเวลา 10.30น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ร่วมกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาลรรท.ผบช.สตม. ,พ.ต.อ.อาชยน ไกรทองรรท.ผบก.ตม.3 ,พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี รรท.ผบช.ภ.8
พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รอง ผบช.สพฐ. และ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ บุญแก้วสวญ.สภ.เกาะเต่า แถลงผลการตรวจสอบ กรณี น.ส.อิสซาเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี ถูกลักทรัพย์โทรศัพท์ไอโฟน 7 บัตรเครดิต 3 ใบและเงินสด 3,000 บาท รวมถึงถูกมอมยาข่มขืน ระหว่างไปเที่ยวกับเพื่อนชายที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งท้ายที่สุดได้ยุติการสืบสวนสอบสวนไว้เรียบร้อย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยนับแต่เกิดเหตุจนปัจจุบัน ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ นำการสืบสวนสอบสวนคดีตั้งแต่ระดับโรงพักในไทย จนส่งพนักงานสอบสวนไปยังประเทศอังกฤษ ก็ทำเต็มที่เพราะเป็นชาวต่างชาติ และเพื่อปกป้องชื่อเสียงของประเทศ หากเกิดเหตุแล้วถ้ามีผู้กระทำผิดก็จะนำตัวดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งผู้เสียหายก็ได้ให้การคนละแบบกับเหตุที่เกิดขึ้น ขณะนี้ความจริงได้ปรากฎแล้วว่าเป็นอย่างไร หากมีพยานหลักฐานใหม่ก็ยินดีจะดำเนินการต่อไป

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากเหตุดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้สอบทั้งพยานบุคคล วันเวลาและสถานที่น้ำขึ้นน้ำลง โดยทุกขั้นตอนได้รายงานให้กับกงศุลอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นที่โทรศัพท์และบัตรเครดิตที่ผู้เสียหายแจ้งว่าหายไปนั้น ยังไม่มีพยานหลักฐานใหม่ อีกทั้ง ผลการตรวจนิติวิทยาศาสตร์เป็นที่ยอมรับอย่างทั่วไปก็ชี้ชัดแล้ว ว่าไม่มีคราบอสุจิบนเสื้อเหมือนที่ผู้เสียหายให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ ทั้งนี้ ประเด็นใดที่ผู้เสียหายสงสัย ขณะนี้เราได้ดำเนินการในทุกประเด็นครบถ้วนทุกส่วน ต่อจากนี้จะเป็นการสรุปผลคดี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการแบล็คลิสต์ผู้เสียหายให้เป็นบุคคลที่ห้ามเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากผู้เสียหายยังไม่ได้แจ้งความเอาผิดตั้งแต่ต้น ซึ่งจะต้องมาดำเนินการในไทย จึงยังไม่ดำเนินการเรื่องข้อหาแจ้งความเท็จ ทำให้เพื่อนชายของผู้เสียหายเองก็ไม่สามารถแจ้งความได้เช่นกัน

Advertisement

“เมื่อปี 2560 มีการแจ้งเหตุคดีข่มมขืนที่ไม่เกิดขึ้นจริงทั้งบนเกาะสมุยและเกาะเต่า รวมแล้ว 7 คดี และเรื่องแจ้งเอกสารการเดินทางหาย ในจังหวัดท่องเที่ยวรวมถึง กรุงเทพฯ มีประมาณ 4-5 คดี ก็จะขึ้นแบล็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศเด็ดขาด” รรท.ผบช.สตม. กล่าวและว่า สำหรับกรณีที่มีผู้ดำเนินการโพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก CSI LA และSamui Time ซึ่งแอดมินเพจอยู่ต่างประเทศนั้น ยังคงดำเนินการตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนคนไทยที่อยู่ในประเทศก็จะดำเนินการทางคดีอาญาทันที หากไม่พบความผิดจริงก็ไม่เป็นอะไร

พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ สวญ.สภ.เกาะเต่า กล่าวว่า จากผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งได้ประสานข้อมูลการสอบปากคำกับผู้เสียหายพบว่ายังมีข้อมูลไม่เพียงพอ โดยแบ่งเป็น 5 ประเด็น คือ
1.ข้อมูลสถานที่เกิดเหตุ เมื่อพนักงานสอบสวนนำภาพถ่ายหาดทราย แผนที่เกิดเหตุให้กับผู้เสียหายดู แต่ก็ไม่สามารถยืนยันบริเวณที่เกิดเหตุได้
2.รูปพรรณสันฐานตำหนิของคนร้าย ผู้เสียหายระบุเพียงมีเคราและผมดำเท่านั้น ไม่มีรูปร่างสัดส่วนบุคคล ทำให้ไม่เพียงพอต่อการดำเนินคดี
3.ผู้เสียหายยังไม่มีการแจ้งทำบัตรเอทีเอ็มใหม่หลังจากที่อ้างว่าถูกขโมยไปทั้ง 3 ใบ โดยแจ้งเพียงอายัดบัตรเท่านั้น
4.ผู้เสียหายไม่สามารถอธิบายถึงพฤติกรรมของคนร้าย ทำให้ไม่สามารถเทียบเคียงกับคดีอื่นได้ 5.เสื้อที่ผู้เสียหายสวมใส่ในวันเกิดเหตุที่นำกลับมาจากอังกฤษ เป็นพยานวัตถุ 1 ชิ้นซึ่งส่งตรวจไปเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ไม่พบคราบอสุจิแต่อย่างใด กล่าวสรุปผลได้ว่า พยานหลักฐานที่สอบสวนจากผู้เสียหายไม่ชัดเจน จึงขอยุติการพิจารณาสอบสวนเพียงเท่านี้

พล.ต.ต.ปรีดี รอง ผบช.สพฐ. กล่าวว่า ผลการตรวจหาคราบอสุจิบนเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีกรมที่ผู้เสียหายสวมใส่ในวันเกิดเหตุนั้น ไม่พบแต่อย่างใด แต่ตรวจพบดีเอ็นเอของชายและหญิงอย่างละคน โดยของผู้ชาย เป็นดีเอ็นเอที่เกิดจากการสัมผัสตัวกัน แต่ไม่สามารถยืนยันสัญชาติได้ เนื่องจากจะต้องใช้คราบอสุจิ เช่นนั้นก็ใช้วิธีนำคนมาเปรียบเทียบเพื่อให้ยืนยันตัวได้

Advertisement

ขณะที่ พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ รรท.ผบช.ภ.8 กล่าวว่า จากผลการตรวจสอบทั้งหมดที่เสร็จสิ้นลงแล้ว หากพบว่ามีพยานหลักฐานใหม่ที่มีน้ำหนักพอจะพิสูจน์การกระทำผิดได้ ตนยืนยันว่า จะไม่ละเลยและจะสอบสวนเพื่อหาการกระทำผิดว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ พื้นที่ภาค 8 มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ตนก็จะดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตามนโยบายที่รัฐบาลได้สั่งกำชับ และนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image