วิญญัติ ชี้ ตำรวจยุติ คดีเเหม่มถูกข่มขืนเกาะเต่าไม่เคลียร์ จี้เปิดผลตรวจจากอังกฤษ

วิญญัติ ชี้ สตช.ยุติคดีเเหม่มถูกข่มขืนเกาะเต่าไม่เคลียร์ เรียกร้องเผยผลหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ที่ได้มาจากอังกฤษ จวกใช้กฎหมาย ปิดปาก ผู้เเชร์ข้อมูลปิดกั้นเสรีภาพเเสดงความเห็น

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเป็นทนายความของผู้ต้องหาแชร์ข่าวคดีเกาะเต่า กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการเเถลงข่าวในวันนี้ถึงเรื่องการยุติการสืบสวนสอบสวนคดีที่นักท่องเที่ยวสตรีชาวบริติชถูกวางยา ขโมยทรัพย์สินและถูกข่มขืนที่เกาะเต่า มี 3 ประเด็นหลักๆ สรุปว่ามีข้อมูลไม่เพียงพอในการดำเนินการต่อไปนั้น ว่าเรื่องดังกล่าวตนเห็นว่าเป็นเรื่องระยะเวลาหลังเกิดเหตุหลายเดือน จนเป็นข่าวดังแล้วจึงมีท่าทีของตำรวจออกมาเป็นระยะๆ กระทั่งมีการจับกุมดำเนินคดีผู้แชร์ข่าว เเละมีนายตำรวจออกมาแถลงว่าบิดเบือนข้อเท็จจริงนั้น เเละยังมีการแถลงข่าวที่อ้างว่าไปอังกฤษ ทางตำรวจได้รับพยานหลักฐานมา 1 ชิ้น เป็นพยานวัตถุอะไร หากเป็นเสื้อของผู้เสียหายที่มีคราบอสุจิติดอยู่ถือว่าเป็นพยานวัตถุ เหตุใดจึงไม่เปิดเผยว่าเป็นพยานหลักฐานใด ผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ผลเป็นประการใด เพราะหากมีคราบอสุจิก็ดูได้ไม่ยาก เพราะมีลักษณะเหนียวติดเสื้อผ้าเมื่อแห้งจะแข็งคล้ายแป้งเปียก เมื่อเอาเสื้อผ้าที่สงสัยส่องดูด้วยแสงอัลต้าไวโอเลต (UV Light) ถ้าเป็นน้ำอสุจิจะเห็นการเรืองแสง จึงสงสัยว่าหลักฐานที่ว่านั้นคืออะไร

ประการต่อมา การที่ตำรวจไทยเดินทางไปถึงอังกฤษเพื่อสอบปากคำผู้เสียหายชาวต่างชาติ ก็เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงมูลเกิดเหตุที่อ้างว่าอาจถูกข่มขืนบนเกาะเต่าตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง แม้ในทางการสืบสวนสอบสวนคดีจะยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ทำความผิดได้ การมีข่าวว่าชาวต่างชาติถูกข่มขืนจึงเป็นข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงโดยทั่วไปในสังคม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจน ความจริงในขณะนั้นคงไม่ปรากฏชัด แล้วใครกันที่จะทราบถึงความเท็จได้

ส่วนด้านคดีข่มขืนก็ขึ้นอยู่ที่เหตุปัจจัยของการรวบรวมพยานหลักฐาน หากรีบสืบสวนสอบสวน มีการตรวจที่เกิดเหตุ มีการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งปากคำของผู้เสียหายและพยานแวดล้อมอื่นๆ ในเวลาที่ใกล้เคียงกับวันเวลาเกิดเหตุที่ไม่นานนัก ก็อาจได้พยานหลักฐานที่สำคัญต่อรูปคดีและเพียงพอแก่การดำเนินคดีก็ได้ ตนมองว่าทั้งหมดเสมือนเป็นการทำให้ครบขั้นตอนทางกฎหมายเท่านั้น

Advertisement

ส่วนประเด็นการแถลงข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ ทางตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ต้องศึกษากฎหมายให้ดีและอย่าตีความเข้าข้างตัวเอง มองว่าคนแชร์ข่าวได้กระทำการบิดเบือนหรือมองว่าเขาสร้างข่าวเท็จ เพราะประเด็นกับการตั้งข้อกล่าวหาต่อผู้ที่เผยแพร่ เพจ csi la ที่มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 12 คนที่จับและเข้ามอบตัว ที่ สภ.เกาะเต่านั้น พฤติการณ์แห่งคดีที่กล่าวหา อ้างว่ามีการแชร์บทความหรือข่าวของสื่อต่างประเทศที่เขียนเรื่องราวการเสียชีวิตของชาวต่างชาติ 7 ราย ในอดีต และนำเสนอข้อมูลที่ให้คนอ่านทราบข้อมูลเท่านั้น แต่ถูกมองว่า ”บิดเบือน” จึงเป็นการใช้กฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง นอกจากนี้ ผู้กล่าวหาต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าความจริงคืออะไร แล้วบทความนั้นยืนยันความเท็จอย่างไร จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิดได้ การกล่าวหาในลักษณะเช่นนี้อาจถือว่าเป็นการปิดปากในทางปฏิบัติเพื่อให้หยุดการแชร์ข่าว อันเข้าข่ายเป็นการปิดกั้นสิทธิขั้นพื้นฐานประการหนึ่ง ในฐานะประชาชน กระบวนการยุติธรรมจะต้องทำให้มีมาตรฐานการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน และตีความกฎหมายให้เป็นธรรม เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจเป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ที่อาจเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินขอบเขตอีกต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image