จ่อย้ายตร.บ้านผือ ออกนอกพื้นที่ ลดผวาอิทธิพลระหว่างทำคดีสุสานเผานั่งยาง

 

วันที่ 26 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี สั่งการให้ พ.ต.อ.พรชัย บุญรอด ผกก.สภ.บ้านผือ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพื้นที่ “สุสานเผานั่งยาง” ป่าสงวนแห่งาติป่ากุดจับ บริเวณโคกเฒ่าคำภา บ.คำบอนเวียงชัย ม.3 ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐาน จุดมีการเผาอาจะเป็นการเผานั่งยาง 23 จุด ส่งไปพิสูจน์ไปแล้ว แต่มีชาวบ้านแจ้งเข้ามาว่าพบอีก 2 จุด  โดย ร.ต.อ.คำเกนย์ มีสิงห์ รอง สว.สส.สภ.บ้านผือ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บ้านผือ รับคำสั่งลงพื้นที่ตรวจใกล้กับจุดเก็บหลักฐานที่ 22  ซึ่งการตรวจสอบไม่พบว่า มีจุดเผานั่งยางเพิ่มแต่อย่างใด มีเพียงเศษลวดบางรถยนต์ น่าจะเกิดจากถูกนำมาทิ้งไว้ ไม่มีร่องรอยการเผา จึงนำเบอร์ไปใส่เพิ่มไว้ โดยมีชาวบ้านที่รู้ข่าวจากสื่อต่าง ทยอยเดินทางมาดูเรื่อยๆ แต่มีจำนวนน้อยกว่าทุกวัน ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดถูกเปิดออก สามารถเดินเข้าออกได้ปกติ ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ

ส่วนที่ สภ.บ้านผือ “ศูนย์รับแจ้งบุคคลสูญหาย” ห่างจากจุดเกิดเหตุ 26 กม. ใช้เป็นสถานที่รับเรื่องจากประชาชน สงสัยญาติพี่น้องหายสาบสูญ สงสัยถูกอุ้มนำมาเผานั่งยาง ที่เมื่อวานมียอดแล้ว 11 ราย รมกับยอดคดีแจ้งคนหายไว้ก่อนหน้าเป็น 17 ราย วันนี้มีนายสวาท พินิจเจริญ อายุ 48 ปี เข้าแจ้งความตามหาพระวิโรจน์ พินิจเจริญ อายุ 40 ปี น้องชายที่หายออกไปจากสำนักสงฆ์หนองหาน บ.หนองหญ้าลังกา ต.พังงู อ.หนองหาน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552

ขณะที่กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี สถานที่ติดตามตรวจสอบคดีคนหาย เคยแจ้งความไว้แล้วที่สถานีตำรวจ และมาร้องเรียนขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติม มีผู้เสียหายที่ญาติหายไปรวม 2 ราย ในพื้นที่ อ.บ้านผือ และ อ.น้ำโสม เดินทางมาให้ปากคำอีกครั้ง ว่าญาติน่าจะถูกลักพา หรืออุ้มไปทำร้าย ยังไม่มีเบาะแสมาจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาไม่กล้าร้องขอความเป็นธรรม เพราะเกรงกลัวอิทธิพลในพื้นที่ รวมทั้งการมาให้ปากคำก็ขอไม่ให้รายละเอียดกับสื่อมวลชน

Advertisement

พ.ต.อ.ธนานันท์วิทย์ ศรีบุญเรือง ผกก.สภ.กุดจับ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมาย ให้สอบปากคำนายดารา พาไสย์ อายุ 60 ปี ที่ร้องเรียน ผช.ผบ.ตร.เมื่อวานนี้ กล่าวหาตำรวจ 4 สภ.น้ำโสม อุ้มไปรีดเอาเงิน 560,000 บาท เมื่อถูกปล่อยตัวได้ร้องเรียนแต่ไม่คืบหน้า และยังถูกข่มขู่จากอดีตตำรวจ สภ.บ้านผือ ที่มีประวัติอุ้มฆ่านั่งยาง แต่ปรากฏว่านายดารา ยังไม่เดินทางมาตามนัด และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้

พล.ต.ต.พีระพงศ์ เปิดเผยว่า ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอ.จากโครงกระดูกที่ส่งไปตรวจสอบยังสถาบันนิติเวช ในระหว่างที่รอผลตำรวจยังคงให้ญาติบุคคลที่สูญแจ้งมาแจ้งความได้ตลอด ส่วนเรื่องของคดีระหว่างนี้ จะต้องนำ 2 คดี ขึ้นมารื้อฟื้นใหม่ คือ คดีนางกุหลาบ อินทร์ศรี อายุ 48 ปี ถูกอุ้มหายเมื่อ 8 ม.ค.53 และคดี นางบังอร ทองอ่อน อายุ 57 ปี นายทุนเงินกู้ ที่หายออกจากบ้านตั้งแต่ 7 เม.ย.57 ตรวจพบถูกนำมาเผาเมื่อ 9 มิ.ย.57

201604261701253-20021028190339

Advertisement

“การสืบสวนพบตำรวจบ้านผือมีส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะคดีนางบังอรฯ ที่มีความสมบูรณ์ มีการพบศพที่ถูกเผายืนยันตัวตนชัดเจน แต่ที่จับกุมดำเนินคดีใครไม่ได้ เพราะไม่มีพยานให้ปากคำยืนยัน ซึ่งคดีนี้จะต้องนำมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพราะว่าหลายคดีที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุ ซึ่งหากทำคดีนางบังอรฯ เดินหน้าไปได้ ในส่วนคดีที่ของนางกุหลาบฯ ก็จะเดินหน้าไปพร้อมกัน โดยเฉพาะลูกสาวของนางกุหลาบ ที่จะเดินทางพบ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ สตช.วันที่ 29 เมษายนนี้ ” พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการมาประชุมของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ที่ประชุมได้รายงานพฤติกรรมกลุ่ม “อุ้มเผานั่งยาง” เข้าไปเกี่ยวข้องกับตำรวจ สภ.บ้านผือ ทั้งทางตรงและทางอ้อม และมีเครือข่ายลงไปในพื้นที่ โดยเฉพาะคดีอุ้มฆ่านางกุหลาบ อินทร์ศรี แม่แอร์โฮสเตส ที่ยังหาศพไม่พบ ตำรวจ สภ.บ้านผือ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา เมื่อสู้คดีพ้นผิดก็ยังปฏิบัติหน้าที่ สภ.บ้านผือ และคดีอุ้มฆ่าเผานั่งยาง นางบังอร ทองอ่อน นายทุนเงินกู้รายย่อย ตำรวจก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่พยานกลัวอิทธิพลไม่กล้าให้ปากคำ ซึ่งมีข้อเสนอให้โยกย้ายตำรวจบางนาย หรือชุดสืบสวน ออกนอกพื้นระหว่างสอบสวนคดีนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image