รมว.ยุติธรรม เผย 10 ปี กองทุนยุติธรรม ช่วยชาวบ้าน เกือบ 20,000 ราย จ่ายเงิน ค่าทนาย – ประกันตัว – ค่าธรรมเนียมศาล กว่า 500 ล้าน
เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ผู้บริหารระดับสูง ร่วมแถลงข่าว พิธีส่งมอบภารกิจกองทุนยุติธรรม ระหว่าง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กับ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม “ก้าวไปข้างหน้ากับกองทุนยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม”
พล.อ.ไพบูลย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับ “กองทุนยุติธรรม” และได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2558 ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2558 และจะมีผลบังคับใช้นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ วันที่ 24 เม.ย.2559 โดยให้กองทุนยุติธรรมช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่เดือดร้อนและไม่ ได้รับความเป็นธรรมให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
พล.อ.ไพบูลย์ เปิดเผยอีกว่า ทั้งนี้กำหนดให้ “กองทุนยุติธรรม” ตั้งเป็น สำนักงานกองทุนยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบภารกิจกองทุนยุติธรรม ต่อจาก กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ภายหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ซึ่งกองทุนยุติธรรมจะเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี การขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย การช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดหรือได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการสนับสนุนโครงการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินงานด้านกองทุนยุติธรรม ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา และได้มีการพัฒนา ปรับปรุงกระบวนงาน ขั้นตอน รวมทั้งข้อกฎหมาย จนตราเป็น พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม พ.ศ.2558 และมีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาตั้งแต่มีการจัดตั้งกองทุนยุติธรรมกว่า 10 ปี (ปีงบประมาณ 2549 – 2559) มีสถิติผู้มายื่นขอรับการสนับสนุนกองทุนยุติธรรม จำนวน 19,497 ราย พิจารณาไปแล้ว 18,530 ราย จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว 519,423,409.77 บาท กรณีตัวอย่างที่ให้การช่วยเหลือทางด้านการดำเนินคดีสำคัญ อาทิ กรณีชาวเลหาดราไวย์ ความช่วยเหลือค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าตรวจพิสูจน์พันธุกรรมและค่าประกันตัวช่วยต่อสู้คดีที่ถูกฟ้องขับไล่ ที่ช่วยเหลือทั้งศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา จำนวน 36 ราย เป็นเงิน 323,440 บาท และช่วยเหลือเงินประกันตัว จำนวน 9 ราย เป็นเงิน 45,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีกรณีกลุ่มชาวนา จ.ลพบุรี จำนวน 35 ราย กองทุนยุติธรรมได้อนุมัติค่าทนายความและค่าธรรมเนียมศาลในการต่อสู้คดี กรณีพนักงานประจำรถขยะของกรุงเทพมหานคร จำเลยในคดีมีแผ่นซีดีเพื่อจำหน่าย กองทุนยุติธรรมอนุมัติหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวเป็นเงิน 240,000 บาท ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการกระจายอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการเรื่องนี้ได้โดยตรงเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอย่างแท้จริงแต่ถ้าเกิดการร้องเรียนไม่เชื่อมั่นในตัวผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ ประชาชนสามารถจะมาร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมได้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า สามารถทำได้เนื่องจากมีคณะกรรมการอยู่ 2 ระดับ 1.ระดับบน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน เรียกว่าระบบการอุทธรณ์ 2.ระดับจังหวัด เมื่อคณะกรรมการจังหวัดไม่เห็นด้วยหรือไม่ได้รับการพิจารณาช่วยเหลือตามระเบียบ ซึ่งบางประเด็นต้องใช้ดุลยพินิจการพิจารณา ถ้าระดับล่างยังไม่ชัดเจนก็สามารถส่งเรื่องขึ้นมาให้ดูได้ ทั้งนี้จะสร้างให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป
สำหรับการขอรับบริการกองทุนยุติธรรม สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ สำนักงานกองทุนยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ชั้น 22 อาคารซอฟท์แวร์ปาร์ค ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หมายโทรศัพท์ 02 502 6741 , 02 502 6743 , 02 502 6760 เว็บไซต์ทาง www.jfo.moj.go.th หรือ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ