เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก.รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 บก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.สมพงศ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป.พร้อมคณะ แถลงผลการปฏิบัติการตามยุทธการปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะทางคดีสารพัดโกง ภายหลังมอบหมายให้ บก.ป.จัดตั้งศูนย์ข้อมูลสืบสวนจับกุมอาชญากรรมเฉพาะทาง ติดตามจับกุมคดีที่มีการกระทำผิดในลักษณะเป็นองค์กร เป็นขบวนการที่กระทำผิดต่อเนื่อง ซึ่งเกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ โดยออกปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 26-28 เมษายน ทั้งนี้ สำหรับผลการปฏิบัติตามยุทธการดังกล่าว นั้น ทาง กก.1-6 และ กก.ปพ.บก.ป.สามารถติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีต่างๆ ประกอบด้วย แก๊งตกทองและหลอกขายทองปลอม จับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 6 ราย จากจำนวนหมายจับรวม 12 หมายจับ, แก๊งตกโฉนดที่ดิน ตกพระ และค้าธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐปลอม จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย 10 หมายจับ, แก๊งหลอกลวงแรงงานไปทำงานยังต่างประเทศ จับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 4 ราย จากจำนวน 10 หมายจับ, แก๊งหลอกลวงขายสินค้าและบริการอื่นๆ ทางอินเตอร์เน็ต จับกุมผู้ต้องหา 11 ราย จาก 12 หมายจับ และแก๊งหลอกลวงเล่นการพนันกำถั่ว หรือที่เรียกว่า “แก๊งจูงหมู” หรือ “แก๊งจูงควาย” โดยจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 11 ราย จากจำนวน 33 หมายจับ รวมผลการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งต่างๆ ทั้งสิ้น 40 คน จากทั้งหมด 79 หมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีที่มีการจับกุมไว้ได้นั้นส่วนใหญ่เป็นความผิดส่วนตัว ชุดจับกุมจึงได้คุมตัวผู้ต้องหาส่งไปดำเนินคดียังท้องที่ต่างๆ จึงมีการควบคุมตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวเพียง 10 ราย จากจำนวน 37 หมายจับ ซึ่งการแถลงข่าวในครั้งนี้ ได้มีการจัดซุ้มนิทรรศการแสดงผลการจับกุมของกองกำกับการต่างๆ ในสังกัด บก.ป.ภายในห้องประชุมปราศจากศัตรู ชั้น 3 บก.ป.เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาพฤติการณ์ของกลุ่มแก๊งต่างๆ ซึ่งสื่อมวลชนสามารถนำข้อมูลออกเผยแพร่ได้อย่างสะดวกรวดเร็วอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการจับกุมครั้งนี้ มีคดีที่น่าสนใจ อาทิ การจับกุมแก๊งตกทอง โดย พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ รรท.ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.ปิยรัช สุภารัตน์ รอง ผกก.ปพ.บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.มะลิษา รอดเอี่ยม อายุ 36 ปี มีหมายจับติดตัว 29 หมายจับ, น.ส.ยุพิน ภาคทรัพย์ อายุ 43 ปี มีหมายจับอยู่ 19 หมายจับ, น.ส.สายสุนีย์ ภาคทรัพย์ อายุ 44 ปี มีหมายจับติดตัว 9 หมายจับ, น.ส.กนกพร ใจการุณ อายุ 44 ปี มีหมายจับติดตัว 7 หมายจับ และนางสกุลรัตน์ กระต่ายเพชร อายุ 47 ปี มีหมายจับติดตัวอยู่ 6 หมายจับ
สำหรับพฤติการณ์ในการกระทำผิดนั้น ผู้ต้องหาทั้งหมดจะแบ่งหน้าที่กัน ออกหลอกลวงเหยื่อโดยนั่งรถยนต์ตระเวนออกหาเหยื่อที่สวมใส่เครื่องประดับมีค่า เมื่อพบก็จะให้หนึ่งในผู้ต้องหา ทำทีเข้าไปนำพระเลี่ยมทองปลอม 1 องค์ เข้าไปหลอกขายพระดังกล่าว ใช้วิธีพูดจาหว่านล้อมให้เหยื่อตายใจ โดยผู้ต้องหารายอื่นก็จะเป็นหน้าม้า คอยยุยงให้เหยื่อรีบรับซื้อ จากนั้นคนร้ายอีกคนก็จะทำทีเป็นเจ้าของร้านทอง ระบุว่าพระเครื่องเลี่ยมทองนั้นเป็นของจริง หากรับซื้อไว้จะได้กำไร แต่เมื่อเหยื่อไม่มีเงินสดก็จะหลอกให้เอาสร้อยทองมาแลกกับพระดังกล่าวไป หลังจากหลวงลวงสำเร็จก็จะพาเหยื่อไปปล่อยทิ้งข้างถนน แล้วหลบหนีไป ซึ่งพบว่ามีการกระทำผิดมาแล้วหลายครั้ง
อีกคดี พ.ต.อ.ภูมินทร์ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.5 บก.ป.นำกำลังจับกุม นางอรุณี ทั่งทอง อายุ 71 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และ น.ส.เบญจพร ทือเกาะ ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์ร่วมกับพวก ทำทีเข้าไปติดต่อผู้เสียหาย ว่าจะขอเช่าที่ดินเพื่อตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ มีการทำสัญญาเช่าเป็นรายปี แต่ภายหลังกลับอ้างว่าต้องไปเซ็นสัญญาดังกล่าวกับเจ้านาย ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะชักชวนให้เล่นพนันกำถั่ว ซึ่งแรกๆ ก็จะให้เหยื่อเล่นพนันได้ เพื่อให้ตายใจ จากนั้นจึงเสียพนันจนหมดตัว มีภาษาเรียกแก๊งเหล่านี้ว่า “แก๊งจูงหมู” หรือ “แก๊งจูงควาย” เปรียบเทียบว่าเหยื่อเป็นหมูหรือควาย มาให้เชือด มีการออกกระทำความผิดในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ สร้างความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า คดีประเภทเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องใกล้ตัวพี่น้องประชาชน สร้างความเสียหายอย่างมาก ทาง บช.ก.เล็งเห็นความสำคัญจึงมอบนโยบายให้กับตำรวจทุกกองบังคับการในสังกัด เร่งสืบสวนจับกุมโดยเปิดยุทธการปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะทางคดีสารพัดโกง ซึ่งผลการปฏิบัติการในครั้งนี้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป