เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าแนวทางการออกกฎหมายเพื่อรองรับเรื่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ว่าตอนนี้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากกัญชา เสนอไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเอกสารจะประกอบด้วยแนวคิดของต่างประเทศ ในการใช้พืชกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งจะมีข้อดีและข้อเสีย เพราะบางประเทศใช้ไปสักพัก 3 ปี 5 ปี ได้เจอข้อเสีย ซึ่งทาง ป.ป.ส.ก็ได้รวบไว้ในเอกสารดังกล่าวเพื่อชี้ให้เห็นประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยภายในประเทศจากนักวิชาการของมหาวิทยาลัยต่างๆ กลุ่มนักวิจัยในประเทศ มารวบรวมไว้ทั้งหมดแล้ว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีกรอบความร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) อาเซียน รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเคยใช้ได้เมื่ออดีตเคยใช้อย่างไร และจะนำกลับมาฟื้นฟูอย่างไร แต่มาตรการสำคัญคือการควบคุม ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ การที่จะปลูกเอาแล้วนำไปสกัด การผสมสูตร ซึ่งจะต้องได้มาตรฐานขององค์การอาหารและยา (อย.) โดยจะต้องลดเรื่องความเสี่ยง ต่อผู้ป่วยได้อย่างไร หลังจากนี้จะมีแนวทาง 2 แบบ ของ 1.ในเรื่องการบริหารจะมีคณะกรรมการขึ้นมา คณะกรรมการนั้นจะต้องมีองค์ความรู้เรื่องงานวิจัย คณะกรรมการที่ดูเรื่องกฎหมาย การประสานงานระหว่างประเทศต้องทำงานคู่กัน 2.ในส่วนของกฎหมายจะมีกฎหมายมาตราใดบ้าง ที่มีความจำเป็นต้องใช้ก่อน ก็จะเสนอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณา ร่วมทั้งการแก้กฎกระทรวงสาธารณสุข การออกพระราชกำหนดเพิ่มเติมในส่วนใดบ้าง ทั้งนี้ในส่วนของทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็ต้องทำควบคู่กันไป อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ได้เร่งรัดสั่งการกำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ทางนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และกระทรวงยุติธรรม เร่งรัดดำเนินการเรื่องการใช้ประโยชน์จากกัญชา อย่างไรก็ตาม เอกสารที่เสนอมีข้อมูลค่อนข้างมาก หากมีข้อสั่งการอย่างไรจะแจ้งต่อสื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกรอบเวลาในการพิจารณาหรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า หวังว่ามาตรการระยะสั้น จะออกมาก่อนเดือนธันวาคม จากนั้นระยะกลางก็จะเชื่อมต่อกับกฎหมายยาเสพติดที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ สนช. อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายเห็นประโยชน์ร่วมกันที่ใช้ในทางการแพทย์ แต่มีข้อห่วงใยเรื่องการนำไปใช้ในทางผิดกฎหมาย
“ตอนนี้กำลังทำทุกเรื่องให้ครอบคลุม ต้องดูเรื่องผลสัมฤทธิ์ ในการวิจัยทางคลินิก ผลจากห้องแล็บ ผลจากการวิจัยจากสิ่งมีชีวิต คนสัตว์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์รวมถึงการได้รับ อย.ต้องพูดกับผู้ประกอบการผลิตยาในประเทศ เราต้องทำให้ครบวงจรเพราะถ้าไม่เช่นนี้ก็จะกลายเป็นว่าเราเปิดช่องทางบริษัทต่างประเทศ” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
ด้าน นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ป.ป.ส.ได้เสนอไปทั้งข้อดี และข้อเสียแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันยังเห็นด้วยกับการศึกษาวิจัยในการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ส่วนมาตรการควบคุมพื้นที่ปลูกนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างการพิจารณาทั้งเรื่องของสายพันธุ์ กลไกในการควบคุม ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา เพราะต้องเพิ่มความเข้มตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การจ่ายยาให้ผู้ป่วยต้องเป็นไปอย่างครอบคลุมทุกขั้นตอน
