เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท. ผบช.สตม. เปิดเผยความคืบหน้าเหตุการณ์นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ แจ้งความที่ สภ.ฉลอง จังหวัดภูเก็ต ว่ารับรายงานจากชุดสืบสวนว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เล่าเหตุการณ์ว่าไปดื่มสุราที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพียงลำพัง ก่อนจะพบกับชายไทยทำงานเป็นพนักงานขายซูชิ ในสถานบันเทิงดังกล่าวและมีการพูดคุยกันก่อน ถึง 06.00 น.จากนั้นนักท่องเที่ยวสาวคนดังกล่าวขอให้ชายไทยไปส่งยังที่พัก เนื่องจากเมาด้วยฤทธิ์สุรา และมารู้สึกตัวว่าอยู่ที่ห้องพักแห่งหนึ่งกับชายหนุ่มเพียงสองต่อสอง อีกทั้งรู้สึกตัวว่าจะถูกกระทำชำเรา ด้วยความตกใจเห็นว่าเป็นนิ้วมือของชายหนุ่ม จึงวิ่งหนีออกมาก่อนจะมาขอความช่วยเหลือแจ้งความไว้ที่โรงพักใกล้จุดเกิดเหตุ หลังรับแจ้งความทางชุดสืบสวนกระจายกำลังลงพื้นที่ค้นหาผู้ก่อเหตุ จนคุมตัวชายคนดังกล่าวเมื่อประมาณ 15.00 น.ที่ผ่านมาเบื้องต้นชายหนุ่มคนดังกล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้ลงมือข่มขืนนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ซึ่งสอดรับกับผลตรวจร่างกายของนักท่องเที่ยวที่ไม่พบเชื้ออสุจิ ในร่างกาย อีกทั้งชุดสืบสวนนำตัวชายไปทำการตรวจร่างกายปรากฏว่าไม่มีเชื้อโรคร้ายแต่อย่างไร
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าทางนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษแสดงความพอใจต่อการทำงานของตำรวจที่จับกุมผู้ก่อเหตุที่พยายามจะล่วงละเมิดทางเพศโดยใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการดื่มสุราจนขาดสติส่งผลให้การควบคุมร่างกาย ที่ผ่านมามีการประชาสัมพันธ์และย้ำเตือนบรรดานักท่องเที่ยวที่ดื่มสุราว่าไม่ควรดื่มเพียงลำพังสิ่งสำคัญคืออย่าปล่อยตัวจนไม่สามารถครองสติให้ดูแลตัวเอง อีกทั้งกรณีที่นักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลืออยากให้มีการพาไปส่งบ้านหรือที่พักโรงแรมต่างๆทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีสายด่วนรองรับคือหมายเลข 1155 ซึ่งสามารถโทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันเน้นย้ำกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจท่องเที่ยวให้ช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวประดุจญาติและครอบครัวของตนเองอีกทั้งฝากไปยังผู้ประกอบการ เจ้าของสถานบันเทิง ร้านค้าต่างๆ ให้คอยเป็นหูเป็นตาดูแลสอดส่องนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในสถานที่นั้นๆ หากนักท่องเที่ยวรายใดมีพฤติกรรมดื่มสุราจนเมามาย จนครองสติไม่ได้ก็ไม่ควรที่จะขายสุราให้ ในส่วนนี้เจ้าของกิจการก็มีความผิดโดยมีโทษจำคุก2ปีปรับ 20,000 บาทซึ่งกรณีดังกล่าวทางชุดสืบสวนรายงานข้อเท็จจริงกับทางสถานทูตแล้วส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตามการกระทำของชายหนุ่มดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดย การใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
