จากกรณีผู้ประกอบการขนส่งรวมตัวเข้าพบตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายสิงหราช หรือ อู๊ด วิชิตพงศ์ อายุ 53 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ที่ 128/2561 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ในคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ หลังรถบรรทุกของบริษัทขนส่งของกลุ่มผู้เสียหาย ถูกนายสิงหราช และพวกกว่า 10 คน แอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) รวมถึงอ้างว่าเป็นลูกน้องของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ตรวจค้นดักจับขณะกำลังบรรทุกสินค้าไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ ก่อนทำการข่มขู่รีดไถเงินและเรียกเก็บส่วยเป็นรายเดือนหากไม่ยอมทำตามจะถูกนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจค้นที่ตั้งบริษัทพร้อมกับยัดยาเสพติดให้ได้รับโทษทางคดีอาญา เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2561 อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติของ นายสิงหราช ยังพบว่านอกจากการแอบอ้างชื่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ แล้ว เมื่อช่วงเดือน ก.พ. 2561 ที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้ยังได้มีการแอบอ้างชื่อของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในการกระทำความผิดลักษณะเดียวกันนี้ จนมีการออกหมายจับดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯสืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิและกำลังจะหลบหนีไปกบดานซ่อนตัวต่อในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทล. กระจายกำลังตั้งด่านตรวจค้นสกัดจับได้ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนจะให้การปฏิเสธพร้อมกับเปิดโปงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.7 ทราบชื่อ สว.ภัท กับ ดาบเดช และพวกรวม 6-7 คน เป็นผู้เรียกตรวจค้นและยึดสิ่งของภายในรถบรรทุกของผู้เสียหาย และทำการเจรจาเรียกเงินจากผู้เสียหาย ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ต.ท.สุรชัย จันทรมณี รองผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ป ช่วยราชการ กก.5 บก.ป. เปิดเผยว่า ในส่วนกรณีกลุ่มผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนกับทางกองปราบเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนนั้น เบื้องต้นได้เตรียมประสานส่งเรื่องให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำปราณ และ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับเรื่องไปดำเนินการต่อ เนื่องจากพนักงานสอบสวนของทั้ง 2 สภ. นั้นมีฐานข้อมูลคดีเก่าของนายสิงหราช ซึ่งเป็นคดีในลักษณะเดียวกันอยู่เป็นจำนวนมากและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมประสานเรื่องกับทางตำรวจท้องที่ทั้ง 2 สภ.ดังกล่าว
ด้านพล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง รรท.ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ภายหลังจากรับมอบตัวนายสิงหราช จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทล. และ บก.ป. แล้วนั้น ก็ได้ทำการสอบปากคำนายสิงหราช อย่างละเอียด ก่อนจะมีการนำตัวส่งฝากขังผัดแรกยังศาลจังหวัดหัวหิน หลังครบกำหนดการควบคุมตัว ทั้งนี้จากการสอบปากคำนายสิงหราช นั้นยังคงยืนกรานว่ามี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.7 เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าวจำนวน 2 นายคือ สว.ภัท และดาบเดช จึงได้ทำการตรวจสอบว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าทั้ง 2 คนนี้มีตัวตนและเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสังกัด ภ.7 จึงได้ให้นายสิงหราช ทำการสุ่มชี้ภาพถ่ายเพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคลซึ่งก็ตรงตามกับข้อมูลจริง จึงได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ให้ช่วยทำการตรวจสอบข้อเท็จจริวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตามที่ผู้ต้องหาพาดพิงด้วยหรือไม่
