รายงานข่าวจากจังหวัดสงขลา เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อำเภอเมืองจังหวัดสงขลา พลตำรวจโทรณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อม พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ชอบ คิสาลัง รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.โชติ ชัยชมภู รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.สรรภัทร ปราบพุฒซา รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พล.ต.สมดุล เอี่ยมเอก ผบ.ฉก.นราธิวาส และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอสุไหงโก-ลก ร่วมแถลงผลการตรวจยึดจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 710,000 เม็ด ได้ผู้ต้องหา 6 คน
คือ นายมะแอ หะยีสะมะแอ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 4 ตำบลยาบี อำเภอหนองจิก ปัตตานี นายไซฟูเลาะ กาเจ อายุ 24 ปีอยู่บ้านเลขที่ 123/1 ม 6 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา นายสะอารี วาโด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/4 ม.2 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นายสาโรจน์ เจ๊ะยะหลี อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 96/1 ม 5 ลูโบ๊ะไร อ.มายอ จ.ปัตตานี นายซูปียัง กาเจ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123/1 ม.6 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา นายอุสมาน เปาะกาเดร์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/2 หมู่ 2 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ น.ส โซฟาร์ บือราเฮง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/3 ม 4 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 710,000 เม็ด รถตู้ยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์เงินหมายเลขทะเบียน ฮบ 8361 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่องบัตรเอทีเอ็มธนาคารทหารไทยจำนวน 1 ใบ โดยกล่าวหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 77 ถ.ประชาวิวัฒน์ ซอย 21 ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
พลตำรวจโทรณศิลป์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติด ประเภทยาบ้า เครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ นำยาบ้าจากพื้นที่ภาคกลางมาจำหน่ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้รถตู้โดยสารเป็นยานพาหนะ และใช้ให้เพื่อนๆญาติพี่น้องนั่งมาในรถด้วยเพื่ออำพรางว่าเป็นการพาครอบครัวเที่ยว ซึ่งเมื่อ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีรถตู้โดยสารที่มีตำหนิรูปพรรณ ตรงตามที่ฝ่ายรับแจ้ง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจค้น เมื่อตรวจสอบดูภายในรถพบผู้ต้องหาทั้งหมด และพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่บริเวณช่องลับใต้หลังคาและช่องลับภายในห้องโดยสารรวมจำนวน 710,000 เม็ดจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้งหมดทราบจากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
