ดีเอสไอ ชง อสส. ร้องศาลเลิกมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ ธรรมกาย เอี่ยวฟอกเงิน

ดีเอสไอ จ่อเสนออสส. ร้องศาลเลิกมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ ฐานเอี่ยวฟอกเงิน กวาดล้างทรัพย์สินทั่วประเทศ เฉลี่ยคืนสมาชิกสหกรณ์ฯ 5 หมื่นราย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 พ.ย.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผอ.กองคดีการเงินการธนาคาร และนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ร่วมแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีฟอกเงินกับมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงในพระอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย) และกรรมการมูลนิธิฯ ที่ได้รับเงินจำนวน 125 ล้านบาท จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก ที่ร่วมกันยักยอกและฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอได้ดำเนินคดีคลองจั่นฯจนสามารถติดตามเงินสดจำนวน 1,500 ล้านบาท และติดตามทรัพย์สินอีก 299 รายการ มูลค่า 3,800 ล้านบาท รวมทรัพย์ที่สามารถติดตามคืนได้ทั้งสิ้น 5,300 ล้านบาท ส่งคืนให้กับสหกรณ์ฯ เพื่อนำไปเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิก 50,000 ราย อย่างไรก็ตาม ทรัพย์ที่นายศูภชัยยักยอกมาจากสหกรณ์ฯ ระหว่างปี 52-56 มีมากกว่า 12,000 ล้านบาท มีทั้งนำไปซื้อหุ้นลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อที่ดินทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พูดได้ว่ามีเงินไหลออกตลอด ทำให้ต้องขยายผลการสอบสวนจากเดิม 12 คดี เพิ่มอีก 11 คดี และมีแนวโน้มที่จะมีคดีฟอกเงินเพิ่มขึ้นตามเส้นทางการเงินที่ตรวจพบ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถติดตามทรัพย์คืนให้กับสมาชิกได้อีก ในส่วนของอาคารลูกโลก วิหารคต และอาคารบุญรักษา รวมถึงอาคารเวิล์ดพีชวัลเลย์ วัลเลย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้อายัดไว้แล้ว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล หากศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน อาจขายทอดตลาดหรือให้ส่วนราชการเข้าใช้ประโยชน์ ในส่วนคดีของนายอนันต์ อัศวโภคิน ที่เกี่ยวข้องกับอาคารบุญรักษา ดีเอสไอยังสอบสวนอยู่ ซึ่งต้องให้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงด้วย

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีข้อหาสบคบฟอกเงินนั้น ขณะนี้มีการติดตามเส้นทางการเงิน การสื่อสาร บุคคลใกล้ชิด และประวัติการักษาตัว ก็ไม่พบความเคลื่อนไหวทั้งในและต่างประเทศ แต่ยืนยันว่ามีเบาะแสเข้ามาตลอดดีเอสไอก็ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งมาทั้งหมด

Advertisement

ด้านนายขจรศักดิ์ กล่าวว่า วัดพระธรรมกายรวมถึงวัดสาขาในต่างจังหวัดมีเฉพาะที่ดินที่เป็นของวัดเท่านั้น โดยวัดพระธรรมกายที่จ.ปทุมธานี มีที่ดิน 196 ไร่ ส่วนที่เหลือทั้งหมดถือครองในชื่อมูลนิธิฯ ทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่ามูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ กระทำความผิดในคดีฟอกเงิน เนื่องจากหลักฐานในทางอาญาพบว่าเงินในสหกรณ์เข้ามาในมูลนิธิฯและกระจายออกไป อัยการสำนักการสอบสวนจึงเสนอให้ดีเอสไอส่งคำร้องถึงอัยการสูงสุดขอให้ดำเนินการในทางแพ่ง โดยยื่นร้องต่อศาลให้มีคำสั่งยกเลิกมูลนิธิฯ และให้ทรัพย์สินของมูลนิธิตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 134 เนื่องจากเงินที่ออกจากสหกรณ์ฯ ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเช็ค 27 ใบ แต่ยังออกมาในรูปแบบเงินสดและทรัพย์สินอื่นอีกจำนวนมาก เพื่อกวาดล้างคดีที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ ให้จบในคราวเดียว นอกจากนี้ วัดพระธรรมการยังมีมูลนิธิที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่ง ทั้งนี้ การสอบสวนทุกคดีทำอย่างต่อเนื่องและมีความเคลื่อนไหว แต่จากหลักฐานที่ปรากฏเป็นผลให้ต้องขยายผลการสอบสวนไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก


ขณะที่พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า ทางการสอบสวนมีข้อมูลเพียงพอแจ้งข้อกล่าวหานางวรรณา จิรกิติ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ และน.ส.อารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิฯ ผู้ถูกกล่าวหา ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (3), 5, 9 และ 60 โดยนางวรรณา ผู้ถูกกล่าวหา ได้เข้าชี้แจงต่อสู้ข้อกล่าวหาและยื่นพยานหลักฐานกับทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้ว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้สรุปสำนวนการสอบสวนและมีความเห็นทางคดี เพื่อจะได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมตัวผู้ถูกกล่าวหาไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนนางอารีพันธุ์ได้เสียชีวิต ซึ่งการสอบสวนได้รับการยืนยันจากนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์แล้วว่าเสียชีวิตจริง

“ผลการสอบสวนพบแผนประทุษกรรมเข้าลักษณะความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน โดยเป็นการบริจาคเงินให้กับพระธัมมชโยแล้วส่งต่อเงินไปให้มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ ใช้สร้างอาคารลูกโลก 700-800 ล้านบาท และสร้างวิหารคตอีก 700-800 ล้านบาท และมีเงินบริจาคตรงเข้ามูลนิธิ 325 ล้านบาท รวมถึงเงินอยู่ในพระสงฆ์เครือข่าย 30 รูปนำไปซื้อที่ดินและเล่นหุ้น ซึ่งมีการตรวจสอบพบ”พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image