เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. อำนวยการให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ สว.กก.4 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.4 บก.ป. นำกำลังจับกุมตัวนายอำนาจ หรือเก่ง หยาดเพชร อายุ 39ปี อยู่บ้านเลขที่153/91 ม.12 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1738/2560 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ในข้อหา“ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ ,ซ่องโจรและพกพาอาวุธเข้าไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ภายในบริเวณโรงเรียนสารสาสน์วิเทศคลองหลวง ม.6 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2560 นายอำนาจ ผู้ต้องหารายนี้พร้อมด้วยพวกรวม 16 คน ขับรถจักรยานยนต์จำนวน 9 คัน พร้อมกับอาวุธ บุกเข้าไปภายในบ้านพักของนายทหารระดับสูง ยศ พล.ท. หรือที่รู้จักกันในนามเสธชัช ซึ่งด้านหน้าเปิดเป็นโรงงานผลิตน้ำแข็ง ในพื้นที่ย่านดอนเมือง เขตพื้นที่ความรับผิดชอบ สน.ดอนเมือง ก่อนใช้อาวุธปืนจ่อยิงพลทหารธวัชชัย นรมาตย์ อายุ23ปี ที่นอนพักอยู่ภายในห้องพักของโรงงานจนเสียชีวิต พร้อมกับใช้อาวุธมีดไล่ฟันสิบเอกคมศร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา อายุ32ปี ที่ยืนอยู่บริเวณโต๊ะสนุ้กภายในบ้านหลังดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นอกจากนี้คนร้ายกลุ่มนี้ยังใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าใส่ พล.ท.คนดังกล่าว ซึ่งพักอยู่บริเวณชั้น 2 ของตัวอาคารบ้าน ขณะที่เดินออกมาดูเหตุการณ์บริเวณด้านนอก หลังได้ยินเสียงปืนและเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นบริเวณโรงน้ำแข็ง เพื่อหมายเอาชีวิตแต่โชคดีกระสุนถูกตู้ปลาและประตูบ้านก่อน จึงทำให้ พล.ท.รายนี้ รอดชีวิตจากคมกระสุนอย่างหวุดหวิด ก่อนจะรีบแยกย้ายกันหลบหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำผิดที่แน่ชัดจำนวนประมาณ 6-7 คน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ก่อนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาบางส่วนได้แล้วจำนวน 2 คน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่านายอำนาจ หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ได้เดินทางกลับมาหาพ่อที่บ้านพักในหมู่บ้านพฤกษา 13 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังจากก่อนหน้านี้ได้หลบหนีไปกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ราชบุรี จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบเห็น นายอำนาจ ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 2 สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กบ 1747 กทม. ขับออกมาบริเวณด้านหน้าหมู่บ้านดังกล่าว ก่อนจะมุ่งหน้าถนนบางขัน-หนองเสือ เจ้าหน้าที่จึงขับรถติดตามกระทั่งนายอำนาจเลี้ยวรถขับเข้าไปภายในวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้น แต่คนร้ายกลับพยายามเร่งเครื่องรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเห็นว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่มีผู้คนจึงตัดสินใจยิงยางรถของนายอำนาจจนยางแตก แต่นายอำนาจยังคงพยายามขับต่อไปอีกประมาณ 1 กม. ก่อนจะไปจนมุมที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศคลองหลวง เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวได้ดังกล่าว ก่อนจะควบคุมตัวมาทำการสอบสวน ที่ กองบังคับการปราบปราม อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์ยิงสกัดจับกุมตัวคนร้ายดังกล่าวเบื้องต้นไม่มีผู้ถูกลูกหลงหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสืบสวนทราบว่าชนวนการก่อเหตุในครั้งนี้มาจาก นายทหารยศ พล.ท. หรือ เสธชัช และกลุ่มทหารเกณฑ์ลูกน้อง เคยมีเรื่องบาดหมางกับกลุ่มคนร้าย เนื่องจากเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 กรกฎาคม ขณะที่นาย เอ นามสมมุติ ทหารเกณฑ์ลูกน้องของ เสธชัช ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เกิดได้ยิน นายแมว ไม่ทราบนามสกุลหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและอยู่ระหว่างการหลบหนี กำลังพูดนินทาด่าทอ เสธชัช ในด้านเสียหาย ทหารเกณฑ์คนดังกล่าวจึงนำเรื่องไปบอก เสธชัช ลูกพี่ หลังจากนั้นไม่นาน เสธชัช พร้อมด้วย สิบเอกคมศร ผู้บาดเจ็บและทหารเกณฑ์ คนดังกล่าว ได้ย้อนกลับมาที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้ออีกครั้งก่อนที่ สิบเอกคมศร และ ทหารเกณฑ์ คนดังกล่าวจะใช้กำลังรุมทำร้ายร่างกายนายแมวจนสะบักสบอม ด้วยความเจ็บแค้น นายแมว จึงไปบอกบุตรชายของตนเอง ก่อนจะพาพวกไปบุกถล่มยิงบ้านของ เสธชัช ทั้งนี้ระหว่างที่เข้าไปภายในบ้านพักของเสธชัช นั้น กลุ่มผู้ตายพบเจอ พลทหารธวัชชัย ผู้ตาย ที่กำลังนอนอยู่ภายในห้องพัก กับสิบเอกคมศร และเข้าใจว่าพลทหารธวัชชัย คือคนที่รุมทำร้ายนายแมว จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวเพื่อแก้แค้น
ทั้งนี้จากการสอบสวน นายอำนาจ ผู้ต้องหารายนี้ยังคงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การอีกทั้งจากแนวทางการสืบสวนยังเชื่อว่านายอำนาจน่าจะเป็นผู้ลงมือยิงผู้ตาย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง รับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
