พิษไม้ซุงสุราษฎร์ ย้ายอีกรักษาการ ผกก.วิภาวดี ฐานให้ประกัน 6 ผู้ต้องหาขนไม้หวงห้าม ปลดสารวัตรกำนันถูกจับขนไม้ แม่ทัพภาค 4 จี้สอบมีข้าราชการเกี่ยวฟันทั้งวินัยและอาญา
เมื่อวันที่ 18 มกราคม พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผู้ต้องหา 6 คนที่ถูกจับกุมระหว่างขนไม้ซุงเมื่อคืนวันที่ 11 มกราคม มีนายยุทธนา พรหมวิเศษ อายุ 38 ปี อยู่ ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน , นายเกรียงไกร ระหงส์ทอง อายุ 30 ปี ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี , นายวุฒินันท์ ทองแกมแก้ว อายุ 24 ปี ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา , นายวรพงษ์ วิเชียร อายุ 26 ปี ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง ,นายวัชรินทร์ ฤทธิกุล อายุ 29 ปี ต.พรุไทย อ.บ้านตาขุน ,นายเภา จันทร์แฉล้ม อายุ 68 ปี อยู่ ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน ซึ่ง พ.ต.อ.วินัย คงแก้ว รักษาราชการแทน(รรท.) ผกก.วิภาวดี ได้ให้ประกันตัวไปในวงเงินคนละ 2 แสนบาท โดยเห็นว่า คดีนี้ถือเป็นคดีอาญาที่มีผลกระทบสูงไม่ควรที่จะให้ประกันตัวออกไป จึงได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วินัย ยุติรักษาราชการแทน ผกก.วิภาวดี โดยให้กลับมาดำรงตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี ตามเดิมและให้ พ.ต.อ.วันชัย ปะลาวัน รรท.ผกก.สภ.ไชยา กลับไปดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.วิภาวดี
การสืบสวนหาตัวเจ้าของบ้านไม่มีเลขที่กำลังก่อสร้าง หมู่ที่ 4 บ้านไทรงาม ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน ที่นำต้นไม้มาทำเสาบ้านสงสัยว่าเป็น ร.ต.อ.ปรีชา สมนุ่น รอง สวป.สภ.พุนพิน กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดำเนินการอยู่ ซึ่งจะทราบผลในเร็วนี้ และตำรวจทั้ง 6 นายที่มีคำสั่งย้ายได้มารายงานตัวที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดแล้ว ” พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าว
ข่าวแจ้งว่า การจับกุมขบวนรถ 10 ล้อขนไม้ซุงมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยืนยันว่า เป็นไม้ที่จะนำไปก่อสร้างบ้านของตำรวจนายหนึ่งในสังกัด สภ.พุนพิน
วันเดียวกัน นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอพุนพิน ได้มีคำสั่งให้นายยุทธนา พรหมวิเศษ พ้นจากตำแหน่งสารวัตร กำนัน ต.น้ำรอบ เนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457แต่กระทำผิดถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้
ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ตามที่ได้มีตรวจยึดไม้ซุงในพื้นที่ อ.วิภาวดี ดังกล่าวและทราบตัวผู้กระทำผิดแล้ว พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประสานไปยังตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และได้มีคำสั่งในการสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการแล้ว ซึ่งจากนโยบายของรัฐบาลและกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ในการพิทักษ์พื้นที่ป่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยในส่วนเจ้าหน้าที่ข้าราชการ หากพบและยืนยันได้ว่ากระทำผิดจะต้องรับโทษทั้งทางอาญาและวินัยถึงที่สุด
“ ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนในเรื่องการบุกรุกในเขตป่าสงวน และป่าเตรียมการต่างๆนั้น เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและควรจะช่วยกันอนุรักษ์ป่าต้นน้ำให้คงไว้ พร้อมให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนสาวตัวถึงผู้กระทำผิดที่เป็นกระบวนการทั้งหมดหากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการทางวินัยและอาญาทั้งหมด ” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
