เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์ปฎิบัติการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี(ศปก.ตม.จ.กาญจนบุรี) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.ตร.) แถลงว่า ตำรวจ ตม.กาญจนบุรี จับกุม นายอ๊าต อายุ 30 ปี สัญชาติ เมียนมา ข้อหา “ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วย ประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฏหมายพ้นจากการจับกุม และเป็นบุคคล ต่างด้าวเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ นายโซ โม ซอ อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมาพร้อมพวก รวม 9 คน ข้อหา “ปลอมและใช้ เอกสารราชการปลอม,ใช้ดวงตรา รอยตราประทับปลอม หรือ แผ่นปะตรวจลงตราที่ทำปลอมขึ้นอันใช้ในการ ตรวจลงตรา สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดย ไม่ได้รับอนุญาต” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจ ตม.จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร. สืบสวนขยายผลถึงขบวนการผู้ลักลอบนำพาต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและประทับตราอนุญาตเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรปลอม เพื่อสืบหาตัวผู้บงการ จากการสืบสวนทราบว่า นายอ๊าต รับการติดต่อจาก นายมิน เมียะ ไน หรือนายมอญ สัญชาติเมียนมา อายุ 35 ปี ให้หารถยนต์ ไปรับนายโซ โม ซอ พร้อมพวกที่บ้านบ่อญี่ปุ่น ในประเทศเมียนมา นอกเขตชายแดน อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี เพื่อนำไปส่งที่กรุงเทพมหานคร โดยรับเงินค่าจ้าง จำนวน 2,000 บาท ต่อคนนายอ๊าตจึงนำรถยนต์ไปรับนายโซ โม ซอ พร้อมพวกจาก อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี ไปส่งซอยฉลองกรุง 33 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อถึงที่นัดหมายจะมีคนมารับช่วงต่อไป ส่วนค่าจ้างรับจากนายมอญ เรียบร้อยแล้ว
ผบช.สตม. กล่าวอีกว่าจากนั้นตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางพบว่ารอยตราประทับการตรวจลงตราการได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรของ ตม.จังหวัดพิษณุโลก มีพิรุธต้องสงสัย จึงประสาน ตม.จังหวัดพิษณุโลก ตรวจสอบยืนยันว่ารอยตราประทับในหนังสือเดินทางของผู้ถูกจับไม่ใช่รอยตราประทับอนุญาตที่ออกโดย ตม.จังหวัดพิษณุโลก และในห้วงเวลาดังกล่าวมิได้มีการตรวจลงตราให้กับแรงงาน 3 สัญชาติแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงสอบถามนายโซ โม ซอ พร้อมพวกผ่านล่ามแปล รับว่าหนังสือเดินทางของพวกตนทั้งหมดจัดทำที่จังหวัดย่างกุ้ง ในประเทศเมียนมา จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี จับกุมนายมิน เมียะ ไน สัญชาติเมียนมา อายุ 35 ปี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยเหลือประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายพ้นจากการจับกุม”
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าต่อมาตำรวจงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.ตร. จับกุมตัว นายมิน เมียะ ไน พร้อมทั้งตรวจยึดหนังสือเดินทางของประเทศเมียนมา และประเทศกัมพูชา รวม 15 เล่ม และ นายมิน เมียะ ไน ซึ่งพูดและเข้าใจภาษาไทยได้เป็นอย่างดี ให้การว่ารับการติดต่อจากนายโก อาว ให้ติดต่อกับนายอ๊าต เพื่อนำแรงงานชาวเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย โดยนายฮ่อง ไก อู หรือ นายโก อาว มอบหมายให้ทำหน้าที่ประสานงานกับนายอ๊าตคอยรับและจัดหาที่พักให้กับแรงงานชาวเมียนมาที่จะเข้ามาในประเทศไทย โดยนายโก อาวจะให้ค่าตอบแทนนายมิน เมียะ ไน เป็นเงิน 200-300 บาท ต่อแรงงานชาวเมียนมาหนึ่งคน จากนั้นนายโก อาว จะทยอยพาแรงงานดังกล่าวไปส่งทำงานตามที่ต่างๆ เอง ส่วนตนเองมีหน้าที่ดูแลคนที่ยังไม่ได้ไปทำงาน
รองหน.ศปชก.ตร. กล่าวอีกว่าจากการสืบสวนพฤติการณ์ของนายโก อาว มีลักษณะเป็นเอเยนคอยสั่งการและควบคุมการลักลอบการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทย และกระจายนำส่งไปยังท้องที่ต่างๆ ซึ่งพฤติการณ์ของนายโก อาว เป็นการกระทำเข้าลักษณะเป็นบุคคลต้องห้าม ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 12 ( 7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 บก.ตม.3 จึงมีหนังสือเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายโก อาว แล้วเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 และ ตม.จังหวัดกาญจนบุรีและเจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร. จับกุมนายโก อาว โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยเหลือประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายพ้นจากการจับกุม” จึงควบคุมตัวและจะนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“ทั้งนี้ ศปชก.ตร. จะสืบสวนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวหากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และขอนำเรียนประชาชนว่าหากพบการกระทำผิดไทรในลักษณะเช่นนี้สามารถแจ้งข้อมูลมาที่สายด่วน ศปอส.ตร. 1155,สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178 และสายด่วน 191 ตลอด 24ชั่วโมง” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว
