เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 26 มกราคม นายสมบัติ ขันอาสา อาชีพขับแท็กซี่ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษสภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และ พนักงานสอบสวนรวม 16 นาย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายสมบัติกล่าวว่าตนได้ถูกตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จับกุมเป็นผู้ต้องหาชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์เมื่อเวลา 01.45 น. วันที่ 10 ก.ค. 2551 ขณะที่ตนขับรถแท๊กซี่ รับผู้โดยสารชาย 2 คน ซึ่งถูกเรียกว่าจ้างจากคลอง 1 สะพานแดง จว.ปทุมธานี ให้มาส่งที่ตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ บางเขน แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ก็บอกให้ขับไปส่งที่ซอยพหลโยธิน 65 แทน จากนั้นได้แสดงตัวเป็นคนร้ายด้วยการชักมีดที่พกมาออกมาจี้ตนพร้อมบังคับให้ส่งเงินที่ตนขับรถมาได้ตั้งแต่ตอนเย็นจำนวน 300 บาท ตนอาศัยทีเผลอพลักมีดออกพร้อมบิดมือทำให้มีดตกลงพื้นพร้อมนาฬิกาของคนร้ายร่วงหลุดลงพื้นด้วย ส่วนเงินที่ยื่นให้คนร้ายที่เป็นธนบัตรใลละ 100 บาท ได้ขาดติดมือมาบางส่วนด้วย โดยเพื่อนคนร้ายอีกคนพยายามใช้ไม้ปลายแหลมแทง ตนได้เปิดประตูหนีออกมาทัน คนร้ายทั้ง 2 ก็เปิดประตูวิ่งไปอีกทางหนึ่ง ตนได้โทร.มือถือแจ้งเหตุร้าย 191ว่าได้เกิดเหตุถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ในซอยพหลฯ 65 ขอความช่วยเหลือมาที่เกิดเหตุ พร้อมกับวิทยุสื่อสารแจ้งให้ทางศูนย์สหกรณ์รวมมิตรทราบเหตุเพื่อขอเพื่อนแท๊กซี่มาช่วยยังที่เกิดเหตุ ก่อนขับรถไล่ตามคนร้ายไปแต่ไม่เจอ สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของสน.บางเขน มาช่วยกันค้นหาตัวคนร้ายในพื้นที่แต่ก็ไม่พบ
ต่อมาจากนั้น 02.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้พาตนไปที่ห้องสืบสวน สน.บางเขนเพื่อให้ข้อมูลของคนร้ายและทำการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งให้ดูภาพถ่ายประวัติคนร้ายและบุคคลต้องสงสัย จนถึงเวลา 03.00น.จึงได้กลับบ้านนอนพักผ่อน
จากนั้นมาวันที่ 17 ก.ค. 2551 เวลาประมาณ 05.30 น. ขณะที่ตนขับรถแท๊กซี่คันเดิมกลับมาส่งที่อู่รถ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นายเดินมาหาบอกให้เข้าไปคุยในรถเก๋งที่จอดรถโดยมีตำรวจในรถอีก 2 นาย กับอีก 2 คัน รวมทั้งสิ้น 10 นาย มาคุมตน และยังนั่งรอนายโก้ เพื่อนโชเฟอร์แท๊กซี่รุ่นน้องอีก 1 คนก่อนพาทั้ง 2 คนไปยัง สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี ก่อนปล่อยตัวนายโก้กลับไปตอนเที่ยงเพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ปากเกร็ดได้สอบสวนปากคำก่อนแจ้งข้อกล่าวหาตนว่าร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฟีโน่ ของนางหนึ่งฤทัย เทโพ เมื่อเวลา 02.50 น.วันที่ 10 ก.ค. 2551 บริเวณถนนเลียบคลองประปา ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด นนทบุรี โดยผู้กล่าวหาตนว่าให้พรรคพวกขับรถแท๊กซี่สีชมพูติดตามมาก่อนจะขับรถปาดหน้ารถจักรยายนยนต์ของเธอก่อนที่ตนจะลงไปใช้กำลังบังคับเอารถจักรยานยนต์พร้อมทรัพย์สินอื่นๆ ในกระเป๋าสะพายไปด้วย รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 42,000 บาท
นายสมบัติ กล่าวเพิ่มอีกว่า ตนได้ให้การปฏิเสธเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด บอกว่าขณะเกิดเหตุตนอยู่ที่ สน.บางเขน เพราะโดนคนร้ายจี้ชิงทรัพย์อยู่ ไม่มีทางที่จะมาก่อเหตุซ้อนในวันเวลาเดียวกันได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อพร้อมกับดำเนินคดีส่งให้อัยการ จว.นนทบุรี เมื่อ 12 ม.ค. 2552 ต่อมา 15 ม.ค. 2552 อัยการฟ้องศาลอาญาชั้นต้น จว.นนทบุรี ซึ่งศาลชั้นต้นได้ตัดสินจำคุกตน 15 ปี ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 42,000 บาท ตนได้ยืนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง 31 ส.ค. 2553 อัยการฏีกาศาลฎีกาก็ยกฟ้องโดยยกผลประโยชน์ให้จำเลย เมื่อ 21 ก.พ. 2555 ตนได้ฟ้องศาลแพ่ง เพื่อขอรับค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายในคดีอาญาที่ต้องติดคุกอยู่ในเรือนจำจังหวัดนนทบุรีขณะต่อสู้คดีที่ตนไม่ได้กระทำผิดเลย เป็นระยะเวลานาน 2 ปี 3 เดือน 20 วัน
ต่อมาศาลแพ่งได้ยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า ศาลฎีกายกฟ้องเนื่องจากหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัย และยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย มิได้ยกฟ้องเนื่องจากข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดผู้ยื่นคำขอจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายที่ตกเป็นจำเลยที่บริสุทธิ์ เพื่อรับค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ม. 20 ตนต้องติดคุกนานเป็นเวลากว่า 2 ปี 3เดือน 20วัน อยู่ในเรือนจำนนทบุรี หนุ่มแท๊กซี่แพะร้องขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงานไร้คนเหลียวแลหลังติดคุกฟรี 2ปี 3เดือน 20วัน ไม่ได้เงินเยียวยาสักบาทเดียว ก่อนตัดสินใจสู้เพื่อความถูกต้องอีกครั้งได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ.นนทบุรี โดยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมประกอบด้วย 1.พ.ต.ต.สมชาย ขำสัจจา 2.ร.ต.อ.วรรณพต ปิ่นปกบุตร 3.ร.ต.ท.รัฐพล ยอดกระโทก 4.ด.ต.วิสูตร ทิพยชล 5.ด.ต สุจิระ แสนบุญ 6.ด.ต. สำราญ ผาสุกล้ำ 7.จ.ส.ต.ประวัติ อักษร 8.จ.ส.ต.สุมิตร กล้าหาญ 9.จ.ส.ต.สุภี ประศรี 10.จ.ส.ต.สำราญ บุญหนองเหล่า 11.จ.ส.ต.นนท์ อครเสวก 12.จ.ส.ต.กิตติศัพท์ สิมณี 13.ส.ต.อ.ดิเรก ทิพย์มาลา 14.ส.ต.อ.ธีวิลยุทธ์ ตันเจริญ 15.ส.ต.ท.กุลวัชร เนียมคำ 16.พ.ต.ท กฤติเดช ศิริจันทร์นนท์ พนักงานสอบสวน (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น )
นอกจากนี้ นายสมบัติกล่าว ตนมาเพียงต้องการเรียกร้องข้อความยุติธรรมคืน แม้ศาลจะยกฟ้อง แต่ตนต้องถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำนานกว่า 2 ปี ก็ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ ก่อนหน้านี้ตนได้พยายามแจ้งความมาตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ปี 58 แต่กลับถูกทางตำรวจสภ.ปากเกร็ดดึงเรื่องมาตลอด จนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน แนะนำให้ตนร้องต่อ ป.ป.ช. และทาง พ.ต.ท.ยศวิน ได้นัดหมายให้ตนมาพบเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อรับแจ้งความก่อนส่งเรื่องให้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.ต่อไปภายใน 30 วัน หลังจากนี้เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป