งานเข้า! ‘กาย-ฮารุ’ โร่แจ้งตร. ถูกอาหารเสริมนำภาพแอบอ้างขายยาลดอ้วน

“กาย-ฮารุ” แจ้งความ ปอท. ถูก บ.อาหารเสริม นำภาพไปแอบอ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ขายยาลดอ้วน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) นายรัชชานนท์ หรือ กาย และ นางฮารุ สุประกอบ สองสามีภรรยาจากวงการบันเทิง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก ปอท.,พ.ต.อ.ขวัญชัย พัฒรักษ์ ผกก.3 บก.ปอท. และ ร.ต.อ.ศตวรรฒ แวงแสน รอง สว.(สอบสวน)กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความเอาผิดต่อเจ้าของบริษัทผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนรายหนึ่ง หลังนำภาพตนเองไปแอบอ้าง ขายสินค้าผ่านเว็บไซต์จนมีผู้หลงเชื่อสั่งซื้อมาใช้ ทั้งที่ตนเองไม่ได้รู้จักหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบช.ภ.1 เป็นผู้ประสานนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความ หลังไปร้องทุกข์ไว้กับตำรวจภูธรภาค 1

นายรัชชานนท์ กล่าวว่า มีบริษัทขายอาหารเสริมรายหนึ่ง(ไดเอทโทนิก้า) นำรูปฮารุ ภรรยาของตน ออกกำลังกายลดความอ้วนหลังจากคลอดบุตรคนที่ 3 พร้อมมีเนื้อหาระบุขั้นตอนการลดความอ้วนโดยละเอียด จากอินสตาแกรมที่เปิดสาธารณะ ใช้แอบอ้างขายสินค้าลดความอ้วนดังกล่าว

Advertisement

นางฮารุ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 3-4 วันที่ผ่านมา มีคนรู้จักที่ออกกำลังกายด้วยกันที่ยิม ส่งภาพของตนจากเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร มาสอบถามตนว่าได้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้จริงหรือไม่ เนื่องจากได้สั่งซื้อมาแล้ว 1 กล่องในราคาประมาณ 1,900 บาท ตนจึงปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์จากบริษัทนี้แต่อย่างใด พร้อมไปตรวจสอบดูเว็บไซต์พบว่ายังมีภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังลดความอ้วนของชาวไทยและต่างชาติอีกมาก แต่ไม่ทราบว่าทางบริษัทได้ขออนุญาตเจ้าของภาพมาแล้วหรือไม่ ทางตนจึงต้องมาแจ้งความไว้ก่อน เนื่องจากยังไม่ทราบว่าผลิตภัณฑ์นี้จะมีผลข้างเคียงหรือไม่ เกรงจะเป็นอันตราย

“เมื่อวานให้เลขาฯ ส่วนตัว โทรศัพท์ไปยังเบอร์ของบริษัทดังกล่าว ไปสอบถามข้อมูลว่า บุคคลในรูปเป็นผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จริงหรือไม่ ทางปลายสายอ้างกลับมาว่าใช้จริง โดยตลอดการพูดคุยได้บันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐานมาประกอบการแจ้งความด้วย ทั้งนี้ ยังมีคนที่ติดตามชีวิตครอบครัวของเราอีกมาก อาจมีคนหลงเชื่อจริงๆ จึงอยากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ว่าให้ตรวจสอบข้อมูลสินค้าก่อนซื้อมาใช้” นางฮารุ กล่าว

Advertisement

เบื้องต้น พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ต่อจากนี้เจ้าพนักงานจะเร่งตรวจสอบว่าใครเป็นผู้กระทำผิดครั้งนี้ ซึ่งเข้าข่ายลักษณะความผิด มาตรา14(1) นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ก่อนขยายผลตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงประชาชนหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image