เมื่อวันที่ 27 เมษายน พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อม พลตรีมโนช จันทร์คีรี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 และนายศราวุธภักดี ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ปปส. ภาค 8 ร่วมปล่อยแถวตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.จำนวน 433 นาย สนธิกำลัง เข้าตรวจค้นเป้าหมาย และติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยร่วมกันค้ายาเสพติดเครือข่าย นายวรวุฒิ รัตนภูมิธนากุล อายุ 45 ปี หรือผู้ใหญ่วอ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ถูกจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ 9 ริมถนนสุราษฎร์-นครศรี ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.62 และยึดทรัพย์สินบ้านพักหรูหลังใหญ่ 1 หลัง รถยนต์หรู 2 คัน รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 1 คัน ร้านจำหน่ายสุราใหญ่ที่สุดใน จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่าร่วม 100 ล้านบาทและอยู่ระหว่างการฝากขังเพื่อสอบสวน
ทั้งนี้ ได้มีการแบ่งกำลังเป็น 32 ชุด กระจายเข้าตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี 15 จุด , จ.นครศรีธรรมราช 16 จุด , จ.พัทลุง 1 จุด และส่งตำรวจ อีก 2 ชุด นำหมายศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปติดตามในพื้นที่ จ.เชียงราย 4 ราย และที่ จ.ราชบุรี อีก 3 ราย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฟอกเงินได้จำนวน 11 ราย เป็นผู้ชาย 5 ราย ผู้หญิง 6 ราย ประกอบด้วยที่ จ.เชียงราย 4 ราย จ.ราชบุรี 3 ราย จ.พัทลุง 1 รายและ จ.สุราษฎร์ธานี 3 รายโดยมีผู้หญิงคนสนิทนายวรวุฒิ หรือผู้ใหญ่ วอ รวมอยู่ด้วย
ต่อมา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 11 คนตามหมายจับพ.ร.บ.ฟอกเงิน ไปไว้ที่ศูนย์ปฎิบัติการ สภ.ดอนสัก เพื่อสอบปากคำโดยมี พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าชุด และจะมีการสอบสวนผู้ประกอบการรับจ้างโอนเงิน 20 คน จากการตรวจค้น 28 เป้าหมายที่เกี่ยวข้องการฟอกเงินให้เครือข่ายค้ายาเสพติด ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หากไม่พบเป็นการฟอกเงิน จะดำเนินคดีประกอแบกิจการโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี ปรับ 5 แสนบาท
พ.ต.อ.เชิดพงษ์ กล่าวว่า จากการขยายข้อมูลเส้นทางการเงินและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้นมีหลักฐานเพียงพอนำไปสู่การออก หมายจับและจับกุมไปแล้วทั้งสิ้น 11 รายและการรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้มีบัญชีเงินฝาก 64 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม.26 ใบ บัตรเคดิต 6 ใบ โทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง สมุดบันทึกการโอนเงิน 21 เล่ม สมุดเช็ค 1 เล่ม อาวุธปืน กระสุนและยาแก้ไออีกจำนวนหนึ่ง
นายสราวุธ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดียาเสพติดที่น่าสนใจแต่ยังไม่ใช่ตัวใหญ่ที่สุดในภาค 8 ยังจะมีรายอื่นๆที่อยู่นอกจังหวัดอื่น แต่คดีนี้ผู้ต้องหาได้สร้างผลกระทบต่อการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีเครือข่ายที่กว้างขวางทั้งภาคใต้ไปจนถึงภาคเหนือ
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องพบว่าเกี่ยวโยงไปถึง จ.เชียงราย ออกหมายจับได้ 4 เป้าหมายฐานฟอกเงิน พัทลุง สุราษฎร์ธานี เชื่อมโยงระบาดไปในพื้นที่ภาคเหนือ และที่ จ.สุราษฎร์ธานี กับ จ. นครศรีธรมราชเกือบทั้งจังหวัดได้พยานหลักฐานน่าพอใจที่จะทำคดีต่อไป
ข่าวแจ้งว่า การตรวจปูพรมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดครั้งนี้ได้พบเส้นทางการเงินใหม่ ของเครือข่ายยาเสพติดจะใช้พื้นที่จังหวัดใหญ่แห่งหนึ่งในภาคใต้เป็นจุดพักยาเสพติด และใช้วิธิการโอนเงินค่ายาเสพติดจากพื้นที่อำเภอรอบนอก
